ก่อนดู Love Alarm ซีรีส์เกาหลีจาก Netflix ที่ออกมาสักพักแล้ว เราคาดหวังว่าซีรีส์คงจะเป็นแนวรักใส ๆ ไฮสคูล กุ๊กกิ๊ก ๆ ปนตลก ตามสไตล์หนัง Rom Com ทั่วไป
แต่พอกดดูตอนแรกเท่านั้นแหละ ก็ต้องแปลกใจ เพราะมันไม่ตรงกับที่เราคิดไว้เลยสักนิด
เป็นซีรีส์ที่แม้จะมีหน้าปกโปสเตอร์เป็นสีชมพูหวานแหวว กับพล็อตเรื่องที่แสนจะดูโรแมนติกกุ๊กกิ๊ก กลับแสดงความหม่น ดราม่า และเฉื่อยแฉะตั้งแต่อีพีแรก
ว่ากันตามตรง อีพีแรกทำได้เนือยพอสมควร จนต้องตั้งคำถามว่าควรเสียเวลาชีวิตดูต่อดีมั้ย แต่ไหน ๆ เค้าอุตส่าห์ลงทุนสร้างซีซั่น 2 ออกมา แสดงว่าเรื่องต้องได้รับความนิยมพอสมควรสิน่า อ๊ะเปิดดูต่อหน่อยละกัน
ยิ่งดูไป ก็พบว่า ซีรีส์มีความสนุกในแบบของมัน ไม่ได้ตื่นเต้นหรือลุ้นมาก ออกจะเนือยด้วยซ้ำ แต่ด้วยปมปัญหาในแต่ละตอน และการตัดจบ ก็ทำให้เราดูต่อมาเรื่อย ๆ จนจบทั้ง 2 ซีซั่น
ในเอนทรี่นี้ เลยอยากจะมาสรุปความรู้สึก และประเด็นที่ได้ รวมถึงความอัดอั้นตันใจที่มีต่อซีรีส์สักหน่อย
มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ
Love Alarm เรื่องรัก ๆ ที่มาพร้อมพล็อตสุดล้ำ
ต้องเล่าก่อนว่าหนึ่ง element หลักของหนังคือแอปฯ มือถือชื่อ Love Alarm ซึ่งใครที่เปิดแอปฯ นี้ จะได้รับเสียงแจ้งเตือนและจำนวนหัวใจเด้งขึ้นมา เวลาที่มีคนชอบตนภายในรัศมี 10 เมตร แน่นอนว่าแอปฯ นี้กลายเป็นของยอดฮิตต้องมีทุกคน เสมือนเป็นยาสามัญประจำบ้าน ใครไม่มีคือตกเทรนด์ คือเอ้าต์ คุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง
นางเอกของเรื่องคือ “คิมโจโจ” เด็กสาวที่ดูนิ่ง ๆ มีโลกส่วนตัว ใช้ชีวิตเหมือนเด็กไฮสคูลทั่วไป ไม่หวือหวาใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งก็เดาได้เลยว่าเธอไม่โหลดแอปฯ Love Alarm ที่แสนจะแมสนั่นหรอก อย่างน้อยก็ในช่วงแรก ๆ
แต่ถึงโจโจจะมีชีวิตที่เรียบง่าย เธอก็มีผู้ชายมาแอบชอบเหมือนกัน เขาคือ “อีฮเยยอง” หนุ่มแสนดีที่ได้แต่แอบมองเธอไกล ๆ เรียนโรงเรียนเดียวกันแต่แทบไม่เคยปะทะกันเลย ทำงานพิเศษในร้านเดียวกันด้วย ที่ทำได้เพียงแอบมองก็เพราะโจโจเค้ามีแฟนแล้ว เป็นถึงนักกีฬาเทควันโด
เรื่องมันเริ่มหวือหวาขึ้นเมื่อเกิดการปรากฏตัวของหนุ่มอีกคน คือ “ฮวังซอนโอ” นายแบบหนุ่มสุดฮอตที่ใคร ๆ ต่างก็เทใจชอบ บ้านฐานะร่ำรวย ซอนโอเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ เขาเป็นเพื่อนกับฮเยยองตั้งแต่ยังเด็ก เพราะฮเยยองเป็นลูกของแม่บ้านบ้านซอนโอ ถึงแม้ฐานะจะต่างกัน แต่ทั้งคู่ก็ทรีตต่างฝ่ายเสมือนเพื่อนที่เท่าเทียมกัน ไม่ได้ก้มหัวให้นายแต่อย่างใด
ซอนโอคาดเดาว่าฮเยยองแอบชอบโจโจ แต่ฮเยยองก็ไม่ยอมรับเต็มปาก ซอนโอนั้นยิ่งมองยิ่งสนใจโจโจ จึงรุกจีบโจโจแบบตรง ๆ และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวความสัมพันธ์ที่เริ่มซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ และนำไปสู่ความเจ็บปวดในช่วงเวลาที่ต่างฝ่ายต่างโตขึ้น
ประเด็นที่น่าสนใจ
แอปฯ Love Alarm เป็นเพียงเครื่องเคียง ไม่ใช่จานหลัก
จากที่อ่านเนื้อหาข้างต้น หลายคนน่าจะสังเกตละว่าเราใช้ปริมาณเนื้อที่ในการเล่าพล็อตความสัมพันธ์ตัวละครเยอะกว่าพล็อตของวิเศษอย่างแอปฯ Love Alarm ซะอีก นั่นก็เพราะเนื้อหาหลักของหนังเน้นหนักไปที่ความสัมพันธ์ ความดราม่า ความปวดตับของตัวละครมากกว่า แอปฯ Love Alarm เป็นเพียงเครื่องเคียงหรือน้ำจิ้มที่เหยาะเข้ามาเพื่อให้เรื่องน่าสนใจขึ้น และเพื่อพอจะทำให้ซีรีส์มีกิมมิคต่างจากซีรีส์เรื่องอื่น ๆ
ในช่วงแรก ๆ นั้น เราอาจจะไม่ค่อยรู้สึกว่า Love Alarm มีบทบาทนัก เหมือนมีเข้ามาให้โก้ ๆ เก๋ ๆ เอาไว้ดักตีหัวให้คนหลงเข้ามาดูมากกว่า แต่พอเรื่องดำเนินไปเรื่อย ๆ เครื่องปรุงนี้ก็เริ่มทำหน้าที่ของมันได้ดีขึ้น เพราะจุดขัดแย้งและทางเลือกที่ตัวละครไปนั้นเริ่มมี Love Alarm เข้ามาข้องเกี่ยว รวมถึงประเด็นสำคัญ ๆ ในเรื่องก็เริ่มมีแตะ Love Alarm เช่นกัน
นั่นก็เพราะ Love Alarm ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของเทคโนโลยี
Love Alarm ในเรื่องนั้นเป็นเทคโนโลยีใหม่ ผู้คนเห็นครั้งแรกก็คลั่งไคล้ แต่บางคนเห็นแล้วก็ยังไม่สนิทใจ 100% เหมือนเราเห็นไอโฟนครั้งแรกเมื่อปี 2007
แต่เมื่อเวลาผ่านไป Love Alarm กลายเป็นสิ่งที่คนขาดไม่ได้ มือถือแทบทุกเครื่องต้องมี Love Alarm ใครที่มีแอปฯ นี้ก็แทบไม่ต้องพึ่งพาสัญชาตญาณตัวเองแล้ว ให้แอปฯ บอกอย่างเดียวว่าฉันชอบใคร ใครชอบฉัน แทบไม่ต้องบอกรักกันด้วยคำพูดแล้ว เพราะแค่เดินเข้ามาในระยะรัศมี 10 เมตร ตัวแอปฯ ก็ร้องเตือนราวกับโอ้อวดคนรอบข้าง
เทคโนโลยีทำให้คนชาชินกับการมีเครื่องจักรมาบอกทุกสิ่งทุกอย่าง จะว่าไปแล้ว Love Alarm ก็เหมือนระบบแจ้งเตือนในมือถือ ระบบแผนที่นำทาง ระบบ Recommendation หนังที่ชอบ และระบบอื่น ๆ ในชีวิตจริงของเราที่มาช่วยแบ่งเบาภาระสมองไปได้เยอะ แต่ขณะเดียวกันก็ลดศักยภาพการได้ยินเสียงที่มาจากตัวเราเอง
การเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยีนั้น ถ้าใช้อย่างถูกต้องและพอดี ก็ล้วนแล้วแต่สร้างประโยชน์ให้มวลมนุษย์ในแง่ของความสะดวกสบาย ความรวดเร็วทันใจ ในซีรีส์ก็คือมันช่วยให้คนรู้ใจกันเร็วขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาเดาใจกันให้ยืดเยื้อ (หรือแม้กระทั่งเวลาเลิกกันก็ไม่ต้องยืดเยื้อด้วย) ถ้าไม่อยากให้ใครรู้ความในใจเรา หรืออยากอยู่เงียบ ๆ ก็แค่กดออกจากแอปฯ ไปซะ
แต่ซีรีส์ก็นำเสนอในมุมตรงข้ามเช่นกัน ว่าหากยึดติดกับเทคโนโลยีมากไป ก็ส่งผลเสียได้ เช่น ความกระวนกระวายอยากเด่นอยากดังอยากมีเสียงเตือนเยอะ ๆ ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่ตัวเองไม่ได้รับเสียงแจ้งเตือนเลย ถึงขั้นนำไปสู่โศกนาฏกรรมอย่างการฆ่าตัวตาย ซึ่งทำให้ซีรีส์เข้าสู่โหมดดาร์กอย่างที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน
Love Alarm’s Badge Club: เส้นแบ่งแยกชนชั้น
อีกกิมมิคนึงของ Love Alarm คือ เค้ามีคลับพิเศษสำหรับคนที่ได้รับหัวใจเยอะ ๆ หรือก็คือ “คนฮอต” นั่นเอง ซึ่งคนที่อยู่ในคลับนี้ก็จะได้สิทธิพิเศษต่าง ๆ เช่น ได้เข้าใช้ Lounge สุดหรู ได้พบเจอคนฮอต ๆ ในเลเวลเดียวกัน ได้เข้าร่วมงานเปิดตัวแอปฯ เวอร์ชั่นใหม่ ๆ จำนวนหัวใจขั้นต่ำของคนที่จะได้เข้าคลับนี้คือ 3,000 ดวง
การเข้ามาของ Badge Club ยิ่งทำให้เกิดการแบ่งชนชั้นที่ชัดยิ่งขึ้น เหมือนขีดเส้นแบ่งว่าใครที่ไม่ได้เข้า Badge Club ก็คือพวกแกเป็นคนธรรมดา ๆ ทั่วไปที่อยู่ตามท้องถนน ส่วนคนใน Badge Club ก็คือพวกเซเลบ ดารา คนดัง ไอดอล คนที่ส่องประกายอยู่บนฟ้า ให้พวกคนธรรมดาแหงนหน้ามอง
ดู ๆ ไปแล้ว ในมุมนี้ Love Alarm กับ Badge Club มีความคล้าย ๆ Instagram เหมือนกัน ตรงที่คนเด่นคนดังก็มักจะได้การกดไลค์ (หัวใจ) เยอะ ส่วนคนธรรมดาก็ไม่ได้ยอดไลค์สูงมากมายนัก คนธรรมดาบางคนก็อยากตะเกียกตะกายได้ยอดไลค์เยอะ ๆ กับเขาบ้าง เพื่อเพิ่มคุณค่าให้ตัวเอง ตัวละคร “พัคกุลมี” ลูกพี่ลูกน้องนางเอก ก็คือหนึ่งในนั้นที่ดันทุรังทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้จำนวนหัวใจมากพอจะเข้า Badge Club ได้
“คิมโจโจ” ตัวแทนของคนมีปมด้อยที่ทำตัวมีปัญหา
เชื่อว่าใครหลายคนที่ดูซีรีส์ ไม่มากก็น้อยต้องเคยรำคาญนางเอกของเรื่องสักครั้ง
โจโจเป็นตัวละครที่โดดเดี่ยว มีปมในใจเกี่ยวกับวัยเด็กที่ตัวเองเป็นเพียงผู้รอดชีวิตเดียวจากการฆ่าตัวตายยกบ้าน นั่นเป็นสิ่งที่ติดอยู่ในใจเสมอมา และเหมือนจะคอยเป็นตัวถ่วงไม่ให้เธอเลือกเส้นทางชีวิตที่สดใสสักที เพราะเธอมัวแต่คิดว่า “ฉันสมควรได้รับมันมั้ย” “ฉันมีค่าพอที่จะรับมันเหรอ”
โจโจใช้ชีวิตอยู่กับป้าและกุลมี ทั้งคู่ทรีตเธอเหมือนแม่เลี้ยงกับพี่สาวทรีตซินเดอเรลลา นั่นเพราะแม่โจโจทิ้งหนี้ไว้ให้ป้าด้วย โจโจจึงถูกตราหน้าจากทั้งคู่ว่าเป็น “ภาระ” แม้จะเป็นญาติที่อยู่ใต้ชายคาเดียวกัน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ยินยอมให้หลอมรวมเป็นครอบครัวเดียวกัน
ในฝั่งของความรัก เราไม่รู้ว่ามันเป็นที่ความ insecure ของเธอเอง หรือบทมันแย่ แต่โจโจเป็นตัวละครที่ใจโลเลและหวั่นไหวง่ายมากถึงมากที่สุด เห็นได้จากการที่เธอมีแฟนอยู่แล้ว แต่ก็ยินยอมจูบกับซอนโออย่างไม่ขัดขืนแม้ว่าจะเพิ่งเจอกันเพียงไม่กี่วัน
ยังไม่นับการที่เธอทิ้งซอนโอไปอย่างง่าย ๆ โดยไม่อธิบายอะไร เพียงเพราะเจออุบัติเหตุที่ทำให้ย้อนนึกถึงวัยเด็ก กลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระเขา กลัวว่าถ้าเขารู้เรื่องในอดีตแล้วจะเกลียดเธอ (ตรงนี้ไม่เข้าใจ logic เลยว่าจะเกลียดทำไม) กลัวว่าถ้ายังรักเขาต่อไปแล้ววันหนึ่งเขาไม่รัก ตัวเองจะกลายเป็นคนไร้ค่า
ซึ่งเราไม่เข้าใจว่าทำไมนางเอกอยู่ดี ๆ ถึงประสาทแดก ทั้งที่ก็เห็นว่าซอนโอรักเธอจะตาย เทคแคร์เป็นอย่างดี ไม่เคยทำอะไรแย่ ๆ เลย ในจุดนี้สงสารซอนโอมากที่ถูกทำให้รักแล้วก็เขี่ยทิ้งแบบง่าย ๆ ซึ่งตรงนี้ก็กลายเป็นแผลของซอนโอยาวนานไปถึง 4 ปี
ในความคิดเรา เหตุผลแท้จริงที่โจโจเลือกจะหนีจากซอนโอ อาจเป็นเพราะฐานะที่แตกต่างกันสุดกู่ เพราะโจโจมักจะแคร์สายตาคนอื่นด้วย ซึ่งแน่นอนว่าในสังคมช่างวิจารณ์นั้น เธอหนีไม่พ้นคำสบประมาทแน่นอน
เราเริ่มค่อย ๆ เดาทางเธอออกชัดขึ้นเมื่อสุดท้ายแล้ว เธอก็เลือกที่จะไปต่อกับอีฮเยยอง ชายหนุ่มที่กล้ามาจีบเธอสักทีหลังจากเธอเลิกกับซอนโอ ซึ่งถ้ายังใช้เหตุผลเดิมที่ว่า เธอไม่อยากให้ใครที่มายุ่งเกี่ยวกับเธอนั้นต้องผิดหวัง หรือเสียใจ เธอก็ต้องปิดใจไม่รักใคร เลือกที่จะอยู่คนเดียวไปแล้ว (ซึ่งตอนแรกเหมือนเธอจะเลือกทางนี้)
แต่การที่สุดท้ายเธอเลือกฮเยยอง นอกจากเพราะเหตุผลที่ฮเยยองดูแลเธออย่างดี (ไม่ต่างจากซอนโอ) แต่อีกเหตุผลคงเพราะฮเยยองไม่ได้ดู “สูงเกินเอื้อม” จนเธอต้องถูกกดดันจากความห่างของชนชั้น ฮเยยองก็เป็นคนเดินดินธรรมดา ๆ ทั่วไป โจโจเลยอาจจะคิดว่า คนนี้แหละน่าจะรอดกว่า
โล่และหอก
กิมมิคสำคัญของ Love Alarm ที่เป็นตัวแปรสำคัญของเรื่องก็คือฟังก์ชั่น “โล่” และ “หอก” ที่โจโจได้รับจากชอนด็อกกู เด็กเนิร์ดที่พัฒนาแอปฯ Love Alarm โดยโล่นั้นมีคุณสมบัติคือสามารถป้องกันไม่ให้ Love Alarm ของคนที่เราเลือกนั้นดัง ส่วนหอกมีคุณสมบัติคือ สามารถทำให้ Love Alarm ของคนที่เราเลือกนั้นดังได้ แม้เราจะมีโล่อยู่ก็ตาม
โจโจใช้โล่ในการหนีออกมาจากซอนโอ และใช้หอกในการบอกรักฮเยยอง ซึ่งกว่าจะได้หอกมาใช้งาน เธอก็ต้องสับสนและทรมานอยู่นานเนื่องจากไม่แน่ใจว่าตัวเองชอบฮเยยองรึยัง อยากจะทำให้ Love Alarm ของฮเยยองดังบ้างสักครั้ง
โล่และหอกนั้นถือเป็นฟังก์ชั่นลับ ไม่ได้มีในแอปฯ ของคนทั่วไป เพราะถ้ามี มันก็จะมาฆ่า Love Alarm ทางอ้อม ในเมื่อคนเลือกจะซ่อนความรู้สึกได้ เลือกได้ว่าจะบอกรักใคร แล้วฟังก์ชั่นดั้งเดิมของ Love Alarm จะไปมีประโยชน์อะไร
โจโจผู้ได้อาวุธนี้จึงเสมือนอยู่ใน Safe Zone ของตัวเอง แต่ขณะเดียวกัน ตอนที่ไม่มีหอก ก็ต้องทรมานกับความรู้สึกที่อัดอั้น ส่วนตอนมีหอก ก็เจอ trust issue ที่อีกฝ่ายเกิดความไม่เชื่อใจ
ฮวังซอนโอกับชีวิตที่ไม่ได้สวยหรู
ซอนโอเป็นตัวแทนของบุคคลที่ฉากหน้านั้นดูเหมือนมีสวนดอกไม้รอบตัว ชีวิตราบรื่น มีชื่อเสียง มีคนชอบมากมาย
แต่ฉากหลังของเขาก็คือครอบครัวที่ไม่อบอุ่น พ่อที่เห็นลูกเป็นแค่เครื่องมือเรียกคะแนนเสียงทางการเมือง ส่วนแม่นั้นถึงขั้นเคยคิดจะฆ่าซอนโอตอนเด็ก ๆ ด้วยซ้ำ พอโตมาก็ไม่ได้ใส่ใจไยดี ซอนโอนั้นมีเพียงฮเยยองที่อยู่ข้างกายตั้งแต่เด็ก
เรียกได้ว่าบ้านนั้นสำหรับซอนโอ เป็นเพียงที่นอนซุกหัวเฉย ๆ ส่วนครอบครัวนั้น หากไม่ได้ออกสื่อร่วมกัน ก็แทบจะไม่ปฏิสัมพันธ์กันฉันครอบครัวที่อบอุ่นเลย
ด้วยเหตุนี้ เราเลยยิ่งสงสารซอนโอตอนที่เสียโจโจไป เพราะโจโจก็เป็นคนที่ซอนโอไว้ใจแล้ว การถูกทอดทิ้งจากคนไว้ใจนั้นเจ็บปวดยิ่งกว่าสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องครอบครัวอยู่แล้ว แถมสุดท้ายแล้วโจโจยังไปคบกับฮเยยอง เพื่อนสนิทหนึ่งเดียวของซอนโออีก ว่าอีกแบบคือซอนโอแทบไม่เหลือใครเลย
จะมีก็แค่ “อียุกโจ” แฟนสาวของซอนโอที่คบแก้เหงา โดยที่ยุกโจนั้นชอบซอนโอแค่ฝ่ายเดียว แม้จะยังดีกว่าการไม่มีใครเลย แต่การอยู่กับคนที่ไม่ได้ชอบ ยังไงก็คงไม่เติมเต็มเท่าไรนัก
อีฮเยยองกับรักที่ไม่หวังผล
ฮเยยองเป็นตัวละครที่แทบจะเรียกได้ว่าพ่อพระมาเกิด คนอะไรทั้งหล่อ นิสัยดี อ่อนโยน หวังดีกับคนอื่นได้มากขนาดนี้
ตั้งแต่เด็กแล้วที่ฮเยยองเป็นเพื่อนเพียงหนึ่งเดียวของซอนโอ อยู่ข้างซอนโอในวันที่เจอเรื่องร้าย ๆ
พอฮเยยองมีความรักให้โจโจ แม้โจโจจะไม่สามารถตอบรับรักได้ทันที แต่ฮเยยองก็ไม่ถือสา และบอกกับเธอว่า เขาไม่ได้คาดหวังให้เธอชอบเขาตอบ ไม่ต้องชอบเขากลับก็ได้ แต่เขาก็จะขอชอบเธออย่างนี้ต่อไป
ซึ่งสิ่งที่ฮเยยองแสดงออกนั้นคือรักบริสุทธิ์ รักที่ไม่หวังผลอย่างแท้จริง ฮเยยองต้องการเพียงความจริงใจ เขาโอเคถ้าอีกฝ่ายจะยังไม่รักเขา เพราะนั่นก็คือความจริง ขอแค่เพียงอย่าโกหกกันก็พอ
ในชีวิตจริง ถ้าการรักใครสักคนมันเป็นแบบที่ฮเยยองให้กับโจโจ โลกเราก็คงน่าอยู่ขึ้น เพราะคนมอบความรักให้กันเนื่องจากอยากให้จริง ๆ ไม่ได้คาดหวังอะไรตอบแทน มันคงทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นมาก
แต่สุดท้ายแล้ว เราว่ามันก็ขึ้นอยู่กับความสบายใจของทั้งคู่ด้วย โจโจสบายใจที่จะรับความรักจากฮเยยองแม้ว่าตัวเองจะไม่ได้ชอบเขา แต่ในชีวิตจริงยังมีอีกหลายคนที่รู้สึกไม่สบายใจ เมื่อรู้ว่ามีคนมาชอบ มาพยายามใส่ใจ เพราะมันเหมือนเป็นการบุกรุกพื้นที่ส่วนตัวกลาย ๆ ดังนั้นยังไงซะเรื่องการสื่อสารให้เข้าใจกันถึงความคาดหวังของทั้งสองฝ่ายก็ยังสำคัญอยู่ดี