รีวิว ‘Kaiju No.8’

ไคจูหมายเลข 8

Kaiju No.8 ดัดแปลงมาจากมังงะชื่อเดียวกันผลงานของอาจารย์มัตสีโมโตะนาโอยะเริ่มเผยแพร่ใน Shonen Jump+ช่วงเดือนกรกฎาคมส่วนในประเทศไทยมีฉบับแปลไทยถูกลิขสิทธิ์จัดจำหน่ายโดยปัจจุบันตีพิมพ์ออกมาในบ้านเราได้ 11 เล่มแล้ว อนิเมะ ได้สตูดิโอที่เคยมีผลงานก่อนหน้าอย่างมาทำหน้าที่รับผิดชอบงานผลิตและยังได้มานั่งแท่นเรื่องงานดีไซน์รวมถึงงานอาร์ตของไคจูในเรื่องกำกับ

โดยผู้กำกับชิเงยูกิมิยะ Shigeyuki Miya ผลงานก่อนหน้าและโทโมมิคามิยะผลงานก่อนหน้า Rokuhou-dou Yotsuiro Biyori, Daitoshokan no Hitsujikai เขียนและดูแลบทอนิเมะโดยโอโคะอุจิอิจิโระผู้เคยมีผลงานอนิเมะเรื่อง Code Geass และ Gundam: the Witch From Mercury มาแล้วในส่วนของเรื่องราว Kaiju No.8 เล่าเรื่องโลกของเราที่การปรากฎตัวและทำลายล้างของไคจูกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คน มีการสร้างหลุมหลบภัยการประกาศแจ้งเตือนเพื่อรับมือกับไคจูไปจนถึงการจัดตั้งกองกำลังป้องกันและยังมีหน่วยเก็บกวาดซากหลังจากล้มบรรดาไคจูลงได้ด้วยแต่ถึงจะคุ้นเคยยังไงความสูญเสียที่เกิดขึ้นก็เป็นของจริง

โดยในตอนที่ 1 สิ่งเหล่านี้จะถูกเล่าผ่านฉากการย้อนอดีตของตัวเอกอย่างคาฟก้าและมินะเพื่อนสมัยเด็กของเขาตัวละครหลักของเราอย่างคาฟก้าเป็นชายหนุ่มวัย 32 ปีที่ภายนอกดูเหมือนจะละทิ้งความฝันของตัวเองไปแล้วแต่เมื่อเขาได้พบเด็กหนุ่มรุ่นน้องอย่างอิจิคาวะ เรโน ก็ทำให้เขารู้สึกมีไฟขึ้นมาอีกครั้งโดยในมังงะตัวละครทั้ง 2 คนนี้เรียกได้ว่าเข้าขากันดีและสนิทสนมกันมากซึ่งในเวอร์ชันอนิเมะก็ยิ่งทำให้เราเห็นเคมีของทั้งคู่ได้ดีขึ้นและในอนาคตเราจะได้เห็นมิติต่าง ๆ แรงผลักดัน รวมถึงคาแรกเตอร์ตัวละครที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อนิเมะเรื่องนี้สนุกกลมกล่อมแน่นอน

ด้านดีไซน์ตัวละคร ไคจูหมายเลข 8 มีบางจุดที่รายละเอียดทำไม่ถึงมังงะ ทำให้รู้สึกแปลกตาอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ติดขัดอะไร ในส่วนของไคจูเมื่อออกมาเป็นภาพเคลื่อนไหวที่มีสีสันแล้วก็ช่วยเพิ่มความน่ากลัว ความแปลกประหลาด รวมถึงสร้างความกดดันในฉากต่อสู้ได้พอสมควร ส่วนฉากเลือดสาดไปจนถึงภาพมุมกว้างที่ทำให้เราได้เห็นความเสียหายหลังการต่อสู้ถือว่าทำได้ดีสิ่งที่น่าสนใจคือการเลือกใช้มุมกล้องและฉากแอ็กชันที่สนุกไหลลื่นในตอนแรกอาจจะยังไม่ได้บู๊เต็ม ๆ แต่แค่การสู้กันระหว่างคาฟก้าและไคจูรองที่ปรากฎตัวขึ้นก็ทำให้รู้สึกคาดหวังกับแอ็กชันในตอนต่อ ๆ ไปได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นมุมกล้อง เสียงประกอบ แสงสีภายในเรื่อง เรียกได้ว่างานค่อนข้างคุณภาพเลยทีเดียว คอแอ็กชันไม่ผิดหวังแน่