ในโลกของซีรีส์เกาหลีที่เต็มไปด้วยเรื่องรักหวานละมุน หรือดราม่าซึ้งกินใจ Vincenzo คือผลงานที่โดดเด่นออกมาด้วยสไตล์เฉพาะตัว มันเป็นซีรีส์ที่ผสมผสานระหว่างความตลกร้าย กฎหมาย การเมือง และกลิ่นอายมาเฟียอิตาเลียนเข้าไว้ด้วยกันอย่างแยบยล และเหนือสิ่งอื่นใดคือเสน่ห์ร้ายของพระเอกอย่าง ซงจุงกิ ที่พลิกบทบาทครั้งใหญ่จนทำให้ใครหลายคนหลงรัก “วินเซนโซ่ กาซาโน่” เข้าอย่างจัง
เรื่องย่อ
เมื่อตอนที่เขาอายุได้ 8 ขวบ พัคจูฮยอง ได้ถูกส่งตัวไปอยู่ที่อิตาลี หลังจากที่เขาได้รับอุปการะจากครอบครัวที่นั่น เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว บัดนี้เขาได้เติบใหญ่กลายเป็นชายหนุ่มสุดสมาร์ท พร้อมกับชื่อใหม่และตัวตนใหม่นามว่า วินเชนโซ คาสโน เขาเป็นนักกฎหมายฝีมือดี ที่ร่วมงานและสมคบคิดให้กับแก๊งมาเฟีย แต่เมื่อเกิดความขัดแย้งระหว่างกลุ่มมาเฟียในพื้นที่
เขาจึงตัดสินใจกลับมายังมาตุภูมิอีกครั้ง เพื่อค้นหาทองคำแท่งที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ตึกห้องเช่าใจกลางกรุงโซล เขาได้ใช้ทักษะทางกฎหมายที่มีติดตัว เริ่มแสดงศักยภาพในแวดวงความยุติธรรมของที่นี่ ทำให้ได้มาพัวพันและรู้จักกับ ฮงชายอง นักกฎหมายสาวผู้เย็นชา เป็นคนประเภทต้องทุกอย่างเพื่อจะต้องชนะคดีความให้ได้
เสน่ห์ของซีรีส์
Vincenzo ไม่ได้อยู่แค่ที่พล็อตเข้มข้น แต่คือการเดินเรื่องที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขึ้นลงอย่างมีจังหวะ จากฉากบีบคั้นใจ กลับตัดไปเป็นมุกตลกเฉียบคม และกลับมาดาร์กได้ภายในไม่กี่นาที บทของซีรีส์เขียนได้ชาญฉลาด แทรกประเด็นสังคม ความเหลื่อมล้ำ และความยุติธรรมในระบบกฎหมายเกาหลีที่บิดเบี้ยว ผ่านตัวละครและสถานการณ์ที่มีสีสันและไม่ยัดเยียด
นักแสดงทุกคนถ่ายทอดบทบาทได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะ ซงจุงกิ ที่รับบทวินเซนโซ่ได้อย่างกลมกลืน เขาแสดงออกถึงความขัดแย้งภายในจิตใจของชายที่โตมากับความรุนแรง แต่ยังมีหัวใจที่ใฝ่หา “ความยุติธรรม” แบบมีสไตล์ มีคลาส และไม่แคร์กฎหมายที่ไร้หลักธรรม ขณะเดียวกัน
นักแสดงสมทบอย่าง จอนยอบิน ที่รับบทเป็นทนายสาว “ฮงชายอง” ก็ช่วยเติมเต็มอารมณ์ของเรื่องด้วยพลังความกล้า ความกวน และความสามารถที่ไม่ยอมเป็นเหยื่อของระบบเช่นกัน
จุดเด่นของ Vincenzo
ภายในซีรีส์คือบรรยากาศภาพและงานโปรดักชั่นที่สวยงามราวกับดูภาพยนตร์ กล้องที่เคลื่อนไหวอย่างมั่นคง เพลงประกอบที่คล้ายซาวด์แทร็กจากหนังอิตาลีเก่า ๆ และฉากที่แสดงถึงความหรูหราแต่แฝงความเหี้ยม ทำให้ซีรีส์นี้ไม่ใช่แค่การเล่าเรื่อง แต่คือการพาคนดูเข้าไปอยู่ในโลกของมาเฟียเกาหลีที่ทั้งเท่ ดิบ และจริง
โดยรวมแล้วสำหรับซีรีส์เรื่องนี้นั้นเรียกได้ว่าคือซีรีส์ที่กล้าฉีกแนวจากสูตรสำเร็จเดิม ๆ ของ K-Drama มันเป็นซีรีส์ที่ดูแล้วทั้งลุ้น ทั้งขำ ทั้งเจ็บ และทั้งอิน เหมาะกับคนที่อยากดูอะไรที่มีรสชาติครบทุกแบบ และเชื่อมั่นในพลังของความ “ยุติธรรมที่ไม่จำเป็นต้องขาวสะอาด” ซีรีส์นี้จะทำให้คุณรักมาเฟียได้อย่างไม่น่าเชื่อ