
ทุกวันนี้ภาษาอังกฤษนับเป็นภาษาที่สองของเรา ที่หลายๆคนอยากจะฝึกและพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษเนื่องจากปัจจุบันนั้นในประเทศไทยก็ได้มีการใช้ภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะในโลกออนไลน์หรือในชีวิตประจำวันที่เราอาจจะได้พบเจอชาวต่างชาติเยอะมากๆ และทักษะที่เราควรฝึกเป็นอันดับแรกเริ่มคือการฟัง เพราะว่าเป็นพื้นฐานที่จะนำเราไปเพิ่มทักษะอื่นๆ คือการอ่านและเขียน ด้วยเหตุผลอย่างงี้ทางเราผู้ที่สามารถเรียกตัวเองได้ว่าดูการ์ตูนฝั่งอเมริกาเป็นสายเลือดเลยอยากจะขอแนะนำ การ์ตูนที่เหมาะกับการฝึกภาษา สุดๆ มาให้กับผู้อ่านของทางเราทุกคนเลยค่ะ
THE CUPHEAD SHOW!
เป็นเรื่องราวของสองพี่น้อง Cuphead และ Mugman โดยจะดำเนินเรื่องเกี่ยวกับ Cuphead พี่ชายที่ได้ทำการเล่นเกมในงานเทศกาลที่ Devil ได้จัดขึ้นเพื่อหลอกรับวิญญาณของผู้คนที่เข้าร่วมงาน แต่โชคดีที่ Cuphead มี Mugman น้องชายผู้ที่รักความสนุกน้อยกว่าเขาช่วยCupheadเอาไว้จากการเล่นครั้งนั้น แถมยังทำให้วิญญาณที่ Devil เก็บมาได้นั้นหลุดลอยกลับไปหาเจ้าร่างจึงทำให้Devilนั้นพยายามที่จะล้างแค้น Cuphead และ Mugman โดยการนำวิญญาณของCupheadไป
นอกจากนั้นก็จะมีเรื่องราวการใช้ชีวิตประจำวันของทั้งสองพี่น้องที่ได้ทำการป่วนคุณ”ตากาน้ำ(Elder Kettle)”และผู้คนในเมืองเกือบทุกๆวันอีกด้วย
ส่วนการใช้ภาษาอังกฤษของเรื่องนี้นั้นจะเป็นการใช้คำศัพท์ที่อยู่ในระดับง่าย ถึง ปานกลาง โดยส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในหมวดการใช้ในชีวิตประจำวันกับสแลง ภาษาอังกฤษ
The Boss Baby
เป็นเรื่องราวที่จะเล่าเรื่องราวของ Timothy Templeton กับ น้องชายของเขา Boss Baby (Theodore Templeton) โดยเรื่องราวส่วนใหญ่ของเรื่องนี้จะเกี่ยวของกับบริษัทเบบี้ที่มีจุดหมายให้คนทั่วโลกมารักเด็กทารกที่เกิดมามากกว่าสิ่งอื่นที่น่ารักบนโลกนี้ หรือเรียกง่ายๆก็คือคู่แข่งของบริษัทเบบี้ ไม่ว่าจะเป็น น้องแมว น้องหมา หรือแม้กระทั่งคนแก่ ที่จะมาแย่งความรักของเบบี้ไป จึงทำให้ Boss Baby ต้องมาทำการลงภาคสนามเองโดยการมาอยู่กับครอบครัวTempleton ที่มี Tim เด็กประถมที่เป็นพี่ชายที่บังเอิญรู้ความลับของบริษัทเบบี้มาช่วยเหลือ หรือแก้สถานการณ์เกือบทุกครั้ง
จากการที่ได้รับชมเรื่องนี้แล้วมองว่าสิ่งที่การ์ตูนเรื่องนี้จะสื่อไม่ใช่แค่ภารกิจที่ตัว Boss Baby จะต้องทำให้ทุกคนรักเบบี้ แต่ทุกสิ่งที่เรื่องนี้สะท้อนออกมาจากจอให้เราได้รู้สึกคือ ความรักของครอบครัว เพื่อน เพื่อนร่วมงาน และการแบ่งปัน ความช่วยเหลือของคนรอบตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่างานหรือภารกิจของตัว Boss Baby เสียอีก
การใช้ภาษาของเรื่องนี้ก็บอกเลยว่าต้องเป็นแหล่งคำศัพท์ของเหล่านักธุรกิจกับคำศัพท์ที่ใช้อยู่ทุกวันแน่นอน ส่วนระดับของภาษานั้นของแบ่งเป็น 2 ส่วนคือส่วนที่ใช้ในชีวิตประจำวันจะอยู่ในระดับง่ายถึงปานกลาง ส่วนที่เกี่ยวกับบริษัทจะอยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งอาจจะมีทั้งคำยากและง่ายปะปนกันมาบ้าง
The Last Kids on Earth
The Last Kids on Earth เป็นเรื่องราวของกลุ่มเด็กวัยรุ่น Jack Sullivan กับเพื่อนอีกทั้ง 3 คนคือ Quint Baker, Dirk Savage และ June Del Toro ที่เป็นผู้รอดชีวิตในเมืองจากเหตุการณ์ที่ผู้คนกลายซอมบี้อย่างไม่ทราบสาเหตุ อีกทั้งยังมีสัตว์ประหลาดจากต่างโลกเข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองที่พวกเขาอยู่อีก
โดย Jack Sullivan เด็กหนุ่มกำพร้าที่เคยไม่มีครอบครัวที่แท้จริงของตนเอง ที่เป็นเพื่อนสนิทของ Quint Baker เด็กเนิร์ดผู้รอบรู้ทางด้านเทคโนโลยีและวิชาการ มาช่วยกันตามหาผู้รอดชีวิตในเมืองจึงได้พบกับ Dirk Savage เด็กเกเรที่มีพละกำลังมากประจำโรงเรียนของพวกเขา ที่เคยมีปัญหากับ Jack ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ประหลาดเหล่านี้ และ สุดท้ายคือ June Del Toro หญิงสาวที่มีความกล้าหาญและฉลาด สามารถเอาตัวรอดได้แม้ตัวคนเดียว จึงทำให้ทั้ง 4 คนมารวมตัวกันเพื่อที่จะมีชีวิตรอดจากซอมบี้ในวันต่อไปและจะได้ตามหาผู้รอดชีวิตคนอื่นที่อพยพออกจากเมืองไปก่อนที่เหตุการณ์จะร้ายแรง เพราะทุกคนหวังว่าตัวเองนั้นจะได้พบกับครอบครัวของตนเอง
หากใครดูเรื่องนี้คงคิดว่าจะได้รับเรื่องราวเกี่ยวกับมิตรภาพที่ดีของทั้ง 4 คนก็คงจะไม่ผิด แต่ว่ามันมากกว่านั้นเพราะว่าแต่ละคนนั้นจะต้องมาปรับตัวเพื่ออาศัยอยู่รวมกัน ที่ต้องอาศัยความเข้าใจกันมากๆในสถานการณ์แบบนี้ แต่ด้วยความเป็นวัยรุ่นจึงอาจจะมีขัดใจกันบ้างในบางสถานการณ์ และด้วยความที่ผู้แต่งใส่ความเป็นมนุษย์ที่มีสิ่งที่ต้องการของตัวเองและเป้าหมายต่างๆเพิ่มเข้าไปในตัวละคร จึงทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ให้ความรู้สึกเหมือนราวกับว่าเราได้ดูภาพยนต์หรือซีรีส์เรื่องหนึ่งเลย กลับมากันที่ภาษาอังกฤษเนื่องจากการ์ตูนเรื่องนี้ที่จะเป็นการ์ตูนของกลุ่มเด็กโตจึงจะมีการใช้ภาษาที่อยู่ในระดับปานกลางถึงยาก พร้อมกับ คำศัพท์ ส่วนใหญ่ที่สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้
My Little Pony : A New Generation
My Little Pony: New Genration เป็นเรื่องราวที่ถูกต่อยอดมาจาก My Little Pony Friendship is Magic โดยจะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับอาณาจักรEquestria ของโพนี่แต่ละชนิดที่เคยเป็นมิตรกัน กลับล่มสลายและทำให้โพนี่ทั้ง 3 ชนิดนั้นไม่ปรองดองกันเหมือนอย่างแต่ก่อนและมีการใส่ร้ายโพนี่ที่ต่างชนิดกับตัวเอง แต่กลับมีEarth Pony ตัวหนึ่งคือ Sunny Starscout คิดแตกต่างออกไปจากโพนี่ตัวอื่นๆ โดยมี Hitch Trailblazer นายอำเภอที่เป็นเพื่อนสนิทของ Sunny คอยห้าม แต่Sunnyก็พยายามไปตามหาโพนี่ที่ต่างชนิดกับตนเองมาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าสิ่งที่โพนี่ทุกตัวในเมืองของ Earth Pony คิดนั้นไม่ถูกต้องจึงได้ไปเจอกับเพื่อนโพนี่ต่างชนิดคือ Izzy Moonbow ที่เป็น Unicorn และ Pipp Petals กับ Zipp Stormพี่น้องเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรPegasus
แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือทุกอาณาจักรนั้นก็มีความคิดผิดๆในแง่ลบเกี่ยวกับโพนี่ที่ต่างจากตน และ พบว่าพลังวิเศษของโพนี่ทั้ง 3 ชนิดที่เคยมีนั้นกลับสูญหายไปจึงทำให้เหล่าโพนี่ ทั้ง5ตัวนั้นต้องช่วยกันกอบกู้พลังวิเศษนั้นกลับคืนมาและทำให้โพนี่จากทั้ง 3 อาณาจักรนั้นเข้าใจใหม่ว่าสิ่งที่พวกเขาคิดมาตลอดนั้นมันไม่ถูกต้อง
เรื่องนี้ถ้าจะให้สรุปคงบอกได้ว่าเป็นเรื่องราวที่สะท้อนถึงคนในสังคมที่เราจะมีอคติกับคนบางคนหรือสังคมอื่นที่แตกต่างจากที่เราอยู่ โดยไม่เปิดใจฟังเรื่องราวของอีกฝ่ายจึงทำให้เข้าใจกันผิดอยู่เรื่อยมา แต่ในเรื่องนี้ก็จะมีโพนี่ที่เข้ามาแก้ไขปัญหาให้ทุกฝ่ายคือSunny เพราะเธอนั้นเป็นตัวกลางที่ทำให้โพนี่ทุกตัวได้มาพูดคุยและรับฟังปัญหาของแต่ละฝ่าย และที่สำคัญที่สุดของเรื่องนี้คือเรื่องมิตรภาพของโพนี่ทุกตัวที่จะอยู่กันอย่างปรองดองอีกครั้ง ถึงแม้จะมีปัญหากันอยู่บ้างแต่โพนี่เหล่านั้นก็สามารถก้าวผ่านและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขได้
ส่วนภาษาของเรื่องนี้จะอยู่ในระดับง่ายที่สุดจากที่เราได้แนะนำมาเพราะเนื้อหาของเรื่องนี้จะมีกลุ่มผู้รับชมหลักคือเด็ก จึงมีการใช้คำศัพท์และประโยคที่อยู่ในระดับง่ายเข้ามา หากใครอยากเริ่มต้นฝึกทักษะในการฟังล่ะก็เรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นอีกเรื่องนึงที่น่าสนใจเลยค่ะ
จากการ์ตูนทั้งหมดที่เราได้แนะนำมานี้สามารถนำไปรับชมเพื่อฝึกทักษะการฟังของผู้อ่านทุกคนได้ แต่ทั้งหมดก็จะมีการใช้สไตล์การพูดที่แตกต่างกันโดยจะเปลี่ยนไปตามอายุของตัวละคร อาชีพ สถานที่ และนิสัยที่แตกต่างกัน แต่ก็เป็นประโยคที่สามารถใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ไม่ต่างจากดูภาพยนต์ภาษาอังกฤษทั่วไปเลย แล้วอาจจะยังฟังง่ายกว่าภาพยนต์อีกเนื่องจากการ์ตูนจะมีเนื้อหาที่เข้าใจได้ง่ายเพราะการ์ตูนหลายๆเรื่องเป็นเนื้อหาที่สร้างมาเพื่อเด็กจึงสามารถทำให้เราสรุปสิ่งต่างๆที่ตัวละครทำได้ง่าย และใช้คำพูดที่ตรงไปตรงมาเพื่อให้เด็กเข้าใจได้ทันที
เราจึงขอพูดได้เลยว่า การ์ตูนนั้นเหมาะกับการที่จะฝึกภาษาที่สุด!! ไม่ว่าจะเป็นภาษาอะไรก็ตาม ด้วยความเข้าใจง่ายและองค์ประกอบที่ไม่ซับซ้อน สื่อสารโดยใช้ ภาษาภาพ เป็นตัวกลางจึงทำให้เราคาดเดาบริบทของคำพูดของตัวละครได้อย่างง่ายดาย