เป็น อนิเมะแนวคอมเมดี้ ชีวิตวัยรุ่นอบอุ่นหัวใจ จำนวน 12 ตอน ดัดแปลงจากผลงานมังงะของอาจารย์ Takamatsu Misaki ที่ตีพิมพ์ในนิตยสารอาฟเตอร์นูนรายเดือนของสำนักพิมพ์โคดันฉะและได้รับความนิยมจนนำมารวมเล่ม ก่อนจะได้รับการผลิตในรูปแบบอนิเมะ แพร่ภาพครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 เมษายน ทางช่อง Tokyo MX ของญี่ปุ่น ปัจจุบันเข้าฉายให้ชาวไทยได้รับชมแล้วทางสตรีมมิง Netflix และ BiliBili ครบทุกตอน
เรื่องย่อ
คืออนิเมะเล่าเรื่องราวชีวิตวัยรุ่นของเด็กสาวต่างจังหวัด อิวาคุระ มิตสึมิ ที่เดินทางเข้ามาเรียนต่อมัธยมฯ ในเมืองโตเกียวและต้องมาอาศัยอยู่กับน้านาโอะที่เป็น LGBTQA+ มิตสึมิเป็นเด็กสาวจิตใจดี ที่วางเป้าหมายด้านการเรียนและการใช้ชีวิตไว้อย่างเพอร์เฟกต์ อยากเรียนจบปริญญาด้านนิติศาสตร์ รับอาชีพข้าราชการและใช้วัยเกษียณกลับไปทำงานในตำแหน่งนายกเทศมนตรีเพื่อพัฒนาบ้านเกิดของตนเอง แต่ระหว่างทางเธอกลับต้องพบกับความท้าทายนอกแผนการมากมาย ไม่ว่าจะจากความเปิ่นของตัวเองที่หลงทางในสถานีรถไฟจนเกือบไปโรงเรียนสายต้ังแต่วันแรกของการปฐมนิเทศ การปฏิสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้าง และสังคมที่แตกต่าง แต่ไม่ว่าจะพบปัญหาหนักหนาขนาดไหนก็สามารถผ่านทุกอย่างมาได้ด้วยมุมมอง Positive และความเป็นตัวเองที่เจ้าตัวมีอยู่เสมอ
ตัวละครใน Skip and Loafer
อิวาคุระ มิตสึมิ
นางเอกของเรื่อง เด็กสาววัยมัธยมชาวชนบทที่มีเป้าหมายชีวิตชัดเจน วางแผนและเคร่งครัดต่อเป้าหมายของตัวเอง ทั้งการเรียน การทำกิจกรรมวัยเรียน มีนิสัยอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอเพราะมีอจิตใจแข็งแกร่ง จุดแข็งคือความเป็นตัวของตัวเองและมองโลกในแง่ดีจึงดึงดูดผู้คนรอบข้างให้อยู่เข้ามาอยู่ข้างกาย ผู้คนที่อยู่ข้างกายมักจะได้รับพลังงานดีๆ กลับไป
ชิมะ โซสุเกะ
เด็กหนุ่มหน้าตาดีที่เอาตัวรอดเก่ง ไม่ชอบอยู่ในกฎเกณฑ์ มีบุคลิกคาดเดายาก เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นมักจะมีรอยยิ้มอยู่เสมอ แต่เบื้องหลังมีปมปัญหาด้านความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว
เอกาชิระ มิกะ
เด็กสาวมัธยมที่เคยผ่านการบูลลี่และเปลี่ยนแปลงตัวเอง มีนิสัยพูดตรง มีความจริงใจและมีเซนส์ด้านแฟชั่น เก่งกีฬาวอลเลย์บอล ตั้งใจเข้าหามิตสึมิเพราะต้องการตีสนิทกับชิมะคุง แต่สุดท้ายกลับโดนมิตสึมิตกเข้าอย่างจัง
มุราชิเงะ ยุซุกิ
สาวสวยระดับท็อปชั้นเรียนที่ผู้ชายหมายปอง ผู้หญิงอิจฉา เป็นหญิงสาวสมบูรณ์แบบที่มาพร้อมบุคลิกมั่นใจ แต่ภายในอ่อนไหวด้านความสัมพันธ์เพราะขาดเพื่อนแท้เพราะมักมีคนมาชอบพอ
มาโคโตะ คุรุเมะ
สาวแว่นขี้อาย ผมเปีย สาย introvert ไม่ชอบไปไหนมาไหนเป็นกลุ่มใหญ่เพราะรู้สึกไม่สะดวกใจ ปกติไม่ค่อยแสดงออกแต่ถ้าอยู่ในกลุ่มเพื่อนสนิทจะโชว์บุคลิกที่เป็นตัวเอง
สิ่งที่คุณจะได้พบจากชีวิตมัธยมญี่ปุ่น
บุงคะไซ (文化祭) หรือ งานเทศกาลประจำโรงเรียนของญี่ปุ่น
บุงคะไซเป็นฉากวัฒนธรรมสำคัญที่ปรากฏอยู่ในมังงะและอนิเมะวัยรุ่นแทบทุกเรื่อง เพราะโรงเรียนในญี่ปุ่นจะจัดให้มีงานเทศกาลประจำโรงเรียนหรือบุงคะไซขึ้นช่วงเดือนกันยายน ถึง พฤศจิกายน ของทุกๆปี โดยเป้าหมายของการจัดงานคือการฝึกเตรียมตัวเข้าสังคมชีวิตจริงขนาดจำลอง เนื่องจากในกิจกรรมนี้ทุกคนจะได้รับมอบหมายหน้าที่ให้มีส่วนร่วมในการวางแผน สื่อสาร ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ไปจนถึงขั้นลงมือทำเองทุกขั้นตอน ฝึกการทำงานเป็นหมู่คณะสร้างความสามัคคี
อีเวนต์นี้ถือว่าเป็น A-Must ที่ต้องจดจำสำหรับวัยรุ่นเพราะเป็นงานเทศกาลที่ค่อนข้างโหดและเปิดให้คนนอกเข้างานได้ด้วย ดังนั้น งานนี้จึงถือเป็นงานจริงจังที่เป็นหน้าเป็นตา นักเรียนจึงต้องทุ่มเทเต็มที่เพื่อให้งานสำเร็จ สำหรับกิจกรรมที่นำมาจัดในวันงานบุงคะไซนั้นมีหลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับชั้นเรียนหรือชมรมนั้นๆ ต้องการนำเสนอ เช่น บ้านผีสิง คาเฟ่ แสดงละคร จัดการแสดงดนตรี ฯลฯ
อีกประเด็นสำคัญที่มักพูดถึงคือ ‘เวทมนต์ของบุงคะไซ’ ที่ผู้คนมักใช้เทศกาลนี้ในการสารภาพรักและตกหลุมรัก ซึ่งอันที่จริงเรื่องนี้ก็ไม่ถือเป็นเรื่องแปลกอะไร เพราะเมื่อเราได้มีโอกาสได้เห็นแง่มุมอื่นๆ จากการอยู่ร่วมกัน จากคนที่เคยเห็นหน้า พูดคุยในห้องเรียนธรรมดา เราก็จะมีโอกาสเห็นความน่ารักและแง่มุมอื่นๆ ของพวกเขาด้วย มีโอกาสใกล้ชิด จึงทำให้เกิดความประทับใจและตกหลุมรักซึ่งกันและกัน
รีวิวหลังดูจบ
กลิ่นอายของอนิเมะ Skip and Loafer อาจจะไม่ใกล้เคียงอนิเมะรักเต็มขั้นระหว่างชายหนุ่มหญิงสาว ถึงแม้ตอนเปิดจะขายฉากน่ารักๆ ของมิตสึมิกับชิมะ ทำให้เรารู้สึกใจเต้นไปกับตัวละครเอกทั้ง 2 ตัว แต่บทที่ให้น้ำหนักมากกว่ากลับเป็นส่วนของชีวิตวัยมัธยม เพราะเรื่องนี้ชวนให้เรารู้สึกหวนคิดถึงวันวานในวัยมัธยมที่เราทุกคนล้วนต้องเคยมีประสบการณ์เดียวกัน ทั้งการทำความรู้จักเพื่อนใหม่ การมีเพื่อนสนิท ไปคาราโอเกะ แชร์ขนมกับเพื่อน ชอบคนคนเดียวกับเพื่อน ไปนอนบ้านเพื่อน ฯลฯ
สารภาพว่าตอนดูเรื่องนี้ตอนแรกทำให้เราคิดถึงเรื่อง Kimi ni Todoke (ฝากใจไปถึงเธอ) เพราะนางเอกจะมีลักษณะตรงไปตรงมา มีความซื่อเปิ่นๆ แต่พอดูไปเรื่อยๆ บุคลิกของซาวาโกะกับมิตสึมิค่อนข้างต่างกัน เพราะมิตสึมิมีความทันคนและมีความมั่นใจที่มากกว่าซาวาโกะ อีกอย่างภายในเรื่องที่ไม่ค่อยเน้นเรื่องรัก ขยี้ใจ ทำให้เรื่องนี้ค่อนข้างใสๆ ไม่มีซีนให้เสียน้ำตา