
เรื่องย่อ The Sandman (เดอะ แซนด์แมน)
ซีรีส์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากตัวละครจากจักรวาล DC Comics ว่าด้วยเรื่องราวของ มอร์เฟียส (ทอม สเตอร์ริดจ์) หรือ เทพแห่งความฝัน เขาเป็นราชาผู้ปกครองดินแดนแห่งความฝัน อยู่มาวันหนึ่งเขาได้ถูกมนุษย์คนหนึ่งอัญเชิญไปยังโลกมนุษย์ เขาถูกขโมยของสำคัญไป 3 ชิ้น ได้แก่ ทับทิม หน้ากาก และทราย เขาถูกจับขังไว้ในโลกมนุษย์ ซึ่งผลกระทบจากการที่เขาไม่อยู่ในดินแดนแห่งความฝันก็คือ มีมนุษย์หลายล้านคนทั่วโลกไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้ เพราะติดอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน มอร์เฟียสที่ไร้พลังเพราะถูกแย่งชิงของสำคัญไปจึงไม่สามารถหนีไปได้ เขาถูกขังยาวนานเกือบ 100 ปี กว่าที่จะหาโอกาสเหมาะหลบหนีออกมาได้ แต่เมื่อออกมาได้เขาก็ต้องออกไปตามหาของสำคัญ 3 ชิ้นของเขาคืน ท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวทั้งหมดจะลงเอยอย่างไร เขาจะหาของสำคัญของเขาเจอหรือไม่ ทุกคนต้องไปดูด้วยตาตัวเอง The Sandman (เดอะ แซนด์แมน) มีทั้งหมด 10 ตอน รับชมได้แล้ววันนี้พร้อมพากย์ไทยทาง Netflix
รีวิว The Sandman (เดอะ แซนด์แมน)
บอกก่อนเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้เหมาะกับทุกคน เพราะมีการสอดแทรกปรัญชาต่างๆ มาให้เราได้ขบคิดบ้างระหว่างทาง ทำให้บางคนอาจจะรู้สึกเบื่อได้ ซีรีส์เรื่องนี้เน้นเดินเรื่องไปแบบเรื่อยๆ ติดตามเรื่องราวการเดินทางของมอร์เฟียส ที่เริ่มจากการเป็นเทพที่ไม่สนอะไรนอกจากกฎระเบียบ พอเริ่มเข้าใจมนุษย์มากขึ้นเขาก็เริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ บอกก่อนเลยว่าส่วนตัวผมค่อนข้างชอบซีรีส์เรื่องนี้พอสมควร บทเขียนมาค่อนข้างดีเลย มีหลายไดอะล็อกที่น่าขบคิดตามว่าแท้จริงแล้วเขาจะสื่ออะไร อย่างฉากการต่อสู้ของพระเอกกับลูซิเฟอร์ ก็เป็นอะไรที่ออกมาเกินความคาดหมายมาก คิดว่าจะต่อสู้กันแบบบู๊แหลก แต่กลับกลายเป็นว่าสู้กันทางความคิดและโต้วาที ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทำให้ฉากนี้น่าจดจำ ในส่วนของการดำเนินเรื่อง ส่วนตัวผมมองว่าทำได้ดี วางปมท้ายตอนไว้น่าติดตามทุกตอน ทำให้รู้สึกอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในตอนต่อไป รู้ตัวอีกทีก็คือรวดเเดียวจบไปแล้ว ฮ่าๆๆ
ต่อมาด้านการแสดง ในส่วนนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีเยี่ยมเลย แคสต์นักแสดงมาดีทุกคน นักแสดงทุกคนแสดงดีกันหมด ยิ่งเหล่าตัวละครเทพนี่แสดงดีและมีเอกลักษณ์กันทุกคนเลย แต่ตัวละครที่ผมชอบจริงๆ ก็คงมีไม่กี่คน ที่โดดเด่นสุดก็คงหนีไม่พ้นพระเอกที่แสดงโดย ทอม สเตอร์ริดจ์ เฮียแกแสดงได้ดีมาก ทำให้ตัวละครนี้ดูมีเสน่ห์ขึ้นเป็นกอง หน้าตาที่ดูเรียบเฉย พูดน้อย สุขุมนุ่มลึก แต่ลึกๆ ก็เป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยน ซึ่งเขาแสดงออกผ่านทางสายตา ส่วนนักแสดงสมทบคนอื่นๆ ก็แสดงได้ดีหมดทุกคน อีกอย่าง เรื่องนี้มีการสอดแทรกเรื่อง LGBTQ+ ด้วย โดยส่วนตัวผมไม่ได้ติดอะไรกับเรื่องนี้มากนัก แต่บางคนก็บอกว่ามันเยอะจนเหมือนยัดเยียด ซึ่งในซีรีส์ก็ยัดมาเยอะจริงๆ แหละ อันนี้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนเลย ต้องลองดูเอง
ท้ายที่สุดคือด้านงานภาพและโปรดักชั่น งานภาพของเรื่องนี้ออกมาดีมากๆ ดูรู้เลยว่าตั้งใจทำกันมากจริงๆ มุมกล้องต่างๆ รวมถึงงานซีจีที่ออกมานี่สวยงามมาก เกินความคาดหมายไปพอสมควรเลย เพราะตอนแรกไม่คิดว่าจะทำงานซีจีออกมาละเอียดและสวยงามขนาดนี้ เพราะนี่เป็นซีรีส์ แต่กลับกลายเป็นว่างานที่ออกมามันสวยพอๆ กับหนังที่ฉายในโรงเลย ต่อมาด้านโปรดักชั่น ส่วนนี้ก็จัดเต็มเช่นเดียวกัน เสื้อผ้าหน้าผมนักแสดง โลเคชั่นฉากหลัง เพลงประกอบ การลำดับเสียง ทุกอย่างทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม
ในส่วนของงานภาพและโปรดักชั่นนี่ไม่มีอะไรจะติเลยจริงๆ สรุปโดยรวมคือ เป็นซีรีส์ที่ดีและสนุกเรื่องนึง โดยเฉพาะ 5 ตอนแรกนี่เนื้อเรื่องน่าติดตามมากๆ ส่วนตอนหลังๆ ที่เหลือนี่แล้วแต่คนชอบเลยจริงๆ ถ้าคนที่อยากดูซีรีส์สนุกตื่นเต้นเบาสมอง อาจจะไม่ค่อยชอบตอนท้ายๆ แต่สุดท้ายทุกคนก็ต้องไปดูและพิจารณากันเอง สุดท้ายนี้ผมขอให้คะแนนซีรีส์ The Sandman (เดอะ แซนด์แมน) ไว้ที่ 8/10 คะแนน
- ชื่อเรื่อง : The Sandman (เดอะ แซนด์แมน
- แนว : ไซไฟ, ลึกลับ, ดัดแปลงมาจากหนังการ์ตูน
- ความยาว : 10 ตอน
- ระบบเสียง : เสียงไทยและบรรยายไทย
- ช่องทางการรับชม : Netflix
- คะแนน : 8/10