รีวิวหนังเรื่อง Kingsman The Secret Service (2015)

รีวิวหนังเรื่อง Kingsman The Secret Service (2015)

ถ้าคุณคิดว่าหนังสายลับคือโลกของผู้ใหญ่ในชุดสูทดำที่พูดจาเยือกเย็นและเดินอยู่ในโลกเงียบงันแบบเจมส์ บอนด์ Kingsman The Secret Service จะพาคุณระเบิดกรอบนั้นอย่างราบคาบ พร้อมโยนความคลาสสิกออกนอกหน้าต่าง แล้วใส่ระเบิด มุกตลก และเลือดเข้ามาแทนแบบสะใจ

หนังเล่าเรื่องขององค์กรสายลับลับระดับโลกที่เรียกตัวเองว่า “Kingsman” ซึ่งมีจุดยืนไม่ขึ้นตรงกับรัฐบาลใด และแฝงตัวอยู่ภายใต้ร้านตัดสูทเก่าแก่ใจกลางลอนดอน เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อ Harry Hart หรือโค้ดเนม “Galahad” (Colin Firth) สายลับรุ่นใหญ่ของ Kingsman ต้องการชดเชยความผิดในอดีตด้วยการรับลูกชายของอดีตเพื่อนร่วมทีมมาเข้ารับการฝึก เด็กหนุ่มชื่อว่า Eggsy (Taron Egerton)

Eggsy ไม่ใช่เด็กดีในแบบที่โลกชั้นสูงต้องการ เขาเป็นเด็กข้างถนน มีพ่อเลี้ยงเลว แม่ที่จน และชีวิตที่ดูไม่มีทางไปไกลกว่าการวิ่งหนีตำรวจ แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวเขาคือ “ศักยภาพที่ยังไม่ได้ถูกขัดเกลา” และนั่นคือสิ่งที่หนังจะพาเราติดตามตลอดเรื่อง—การแปรสภาพเด็กข้างถนนให้กลายเป็นสุภาพบุรุษนักฆ่า

ระหว่างที่ Eggsy ต้องเผชิญกับการฝึกที่โหดหิน เหตุการณ์ใหญ่ระดับโลกก็ค่อยๆ ทะลักเข้ามา เมื่อ Valentine รับบทโดย Samuel L. Jackson เศรษฐีเทคโนโลยีสุดเพี้ยนที่มีอุดมการณ์แสนประหลาด เตรียมการล้างโลกด้วยแผนร้ายอันแยบยล ด้วยความเชื่อว่ามวลมนุษยชาติคือภัยต่อโลก และเขานี่แหละคือผู้ที่จะช่วย “รีเซ็ต” ทุกสิ่งใหม่ด้วยเทคโนโลยี

สิ่งที่ทำให้ Kingsman ต่างจากหนังสายลับเรื่องอื่นคือ “จังหวะและสไตล์” ทุกฉากแอ็กชันถูกออกแบบมาอย่างมีลายเซ็นของ Matthew Vaughn ไม่ว่าจะเป็นฉากในโบสถ์ที่กลายเป็นฉากขึ้นหิ้งทันทีหลังจากฉาย ด้วยการใช้กล้องลื่นไหลและการตัดต่อที่ชวนตะลึง หรือฉากการฝึกในน้ำที่ทั้งลุ้นและเท่ในเวลาเดียวกัน ทุกอย่างเหมือนถูกทำให้ “เกินจริง” แต่ไม่ล้น มันทั้งสนุก ตื่นเต้น และมีอารมณ์ขันเฉพาะตัว

Colin Firth คือเซอร์ไพรส์ของเรื่อง เขาแสดงภาพสายลับสุภาพบุรุษได้สมบูรณ์แบบ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถปลดปล่อยด้านดิบ เถื่อน และเยือกเย็นออกมาได้อย่างเหลือเชื่อ ใครจะคิดว่า “Mr. Darcy” แห่ง Pride & Prejudice จะกลายมาเป็นนักฆ่ามืออาชีพที่ใช้ร่มเป็นอาวุธได้เท่ขนาดนี้ ส่วน Taron Egerton ในบท Eggsy ก็แจ้งเกิดเต็มตัว เขาทั้งกวน เท่ และแสดงให้เห็นว่าเด็กข้างถนนก็สามารถเป็น “สุภาพบุรุษ” ได้ถ้าได้รับโอกาสและการชี้นำที่ถูกต้อง

Samuel L. Jackson กับบทวายร้าย Valentine ก็กลายเป็นอีกหนึ่งสีสัน เขาเป็นตัวร้ายที่ไม่เหมือนใคร พูดติดอ่าง รังเกียจเลือด แต่เต็มไปด้วยแผนการน่ากลัวและวิธีคิดสุดโต่งที่เกือบจะเข้าใจได้ ซึ่งทำให้ความขัดแย้งในเรื่องดูน่าติดตามยิ่งขึ้น

หนังยังสะท้อนประเด็นของชนชั้น โอกาส และการเปลี่ยนแปลงของคนในสังคมได้อย่างแนบเนียน ภายใต้ ฉากแอ็กชันเลือดสาด และบทพูดตลกแบบอังกฤษสุดจัด มันมีคำถามว่า “ใครคือคนที่เหมาะสมจะปกป้องโลก?” และ “ความเป็นสุภาพบุรุษ วัดกันที่เนกไท หรือความกล้าหาญในหัวใจ?”

จึงไม่ใช่แค่ หนังแอ็กชันสายลับ แต่มันคือการนำโครงสร้างคลาสสิกมาผสมกับวัฒนธรรมร่วมสมัย จนได้ผลงานที่ทั้งสดใหม่และเคารพรากเหง้าไปในตัว มันคือหนังที่กล้าจะสนุกสุดเหวี่ยงโดยไม่ทิ้งคุณค่า และทำให้ผู้ชมตั้งตารอภาคต่อทันทีที่เครดิตขึ้น

ในยุคที่หนังแอ็กชันมักเดินตามสูตร Kingsman คือตัวอย่างของหนังที่ “รู้ว่าโลกต้องการความบันเทิงแบบไหน แต่ก็ไม่ยอมลดศักดิ์ศรีตัวเอง” และนั่นคือสิ่งที่ทำให้มันยังคงสดและทรงพลังจนถึงทุกวันนี้