Start-Up คือซีรีส์เกาหลีที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยเนื้อหาที่ผสมผสานระหว่างเรื่องราวของการไล่ล่าความฝันในโลกของธุรกิจเทคโนโลยีสตาร์ทอัพ และความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครที่ซับซ้อนแต่ชวนติดตาม ซีรีส์เรื่องนี้ออกอากาศครั้งแรกในปี 2020 ทางช่อง tvN และ Netflix นำแสดงโดยแบซูจี, นัมจูฮยอก, คิมซอนโฮ และคังฮันนา โดยมีฉากหลังอยู่ที่ Sandbox ซึ่งเป็นศูนย์รวมธุรกิจสตาร์ทอัพแห่งหนึ่งในเกาหลีใต้ ซึ่งถูกสร้างขึ้นเป็นโลกจำลองสำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างบริษัทจากศูนย์
เนื้อเรื่องเริ่มต้นจากตัวละครซอดัลมี (รับบทโดยแบซูจี) หญิงสาวที่มีความฝันอยากเป็นสตีฟ จ็อบส์แห่งเกาหลี แม้เธอจะไม่มีพื้นฐานด้านเทคโนโลยีหรือเงินทุน แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความเชื่อในตัวเอง เธอจึงเข้าสู่สนามแข่งขันในวงการสตาร์ทอัพพร้อมกับความหวังว่าจะประสบความสำเร็จและได้พิสูจน์ให้ครอบครัวเห็นว่าทางเลือกในชีวิตของเธอนั้นไม่ผิด ซอดัลมีจับมือกับนัมโดซาน (รับบทโดยนัมจูฮยอก) นักพัฒนาซอฟต์แวร์อัจฉริยะที่กำลังเผชิญกับวิกฤตในชีวิตธุรกิจ เพื่อร่วมกันสร้างทีมใหม่ และเดินหน้าพัฒนาไอเดียของตนให้เป็นบริษัทที่เติบโตใน Sandbox
สิ่งที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้โดดเด่นคือการเล่าเรื่องที่สมดุลระหว่างอารมณ์ ความฝัน และความจริง โลกของธุรกิจสตาร์ทอัพที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ความล้มเหลว และความไม่แน่นอน ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างมีมิติ ทั้งในแง่มุมของการต่อสู้เพื่อทุน การนำเสนอแผนธุรกิจ ไปจนถึงความสัมพันธ์ระหว่างทีมที่มีทั้งความร่วมมือและความขัดแย้ง ทุกองค์ประกอบในเรื่องสะท้อนความเป็นจริงของการทำธุรกิจได้อย่างตรงไปตรงมาโดยไม่ทำให้เรื่องดูหนักเกินไป ทำให้ผู้ชมรู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับตัวละครได้เป็นอย่างดี
การแสดงอารมณ์และบทบาทที่เข้มข้นของตัวละคร
หนึ่งในจุดแข็งที่ทำให้ Start-Up เป็นซีรีส์ที่น่าประทับใจคือการแสดงที่โดดเด่นของนักแสดงหลักทุกคน แบซูจีถ่ายทอดบทบาทของหญิงสาวที่แข็งแกร่งแต่ก็เต็มไปด้วยความเปราะบางได้อย่างยอดเยี่ยม เธอทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงพลังของความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้แม้จะมีอุปสรรคมากมาย ในขณะที่นัมจูฮยอกในบทของนัมโดซานก็นำเสนอภาพของหนุ่มโปรแกรมเมอร์ที่ขาดความมั่นใจแต่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริงได้อย่างมีเสน่ห์และเป็นธรรมชาติ ส่วนคิมซอนโฮในบทฮันจีพยอง กลับกลายเป็นตัวละครที่ได้รับความนิยมเกินคาด เพราะเขาเป็นนักลงทุนที่มีเหตุผล มีอดีตที่เจ็บปวด และมีบทบาทสำคัญในการผลักดันตัวละครอื่นให้เติบโต
การปะทะอารมณ์ระหว่างตัวละครทั้งสามสร้างความลึกให้กับเนื้อเรื่อง โดยเฉพาะความสัมพันธ์แบบ “รักสามเส้า” ที่ไม่ตื้นเขินและไม่ยัดเยียด แต่ถูกเล่าอย่างมีเหตุผลและสอดคล้องกับพัฒนาการของตัวละคร ทำให้ผู้ชมรู้สึกผูกพันกับทุกตัวละครและเข้าใจในแต่ละมุมมองได้เป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้น ดนตรีประกอบของซีรีส์อย่างเพลง “Future” และ “My Love” ก็ช่วยเติมเต็มอารมณ์ในแต่ละฉากได้อย่างมีพลัง เพิ่มความประทับใจให้กับซีรีส์ได้อย่างมาก
แม้ในช่วงท้ายของเรื่องจะมีบางช่วงที่รู้สึกว่าเดินเรื่องช้าหรือตัดสินใจง่ายเกินไปในบางประเด็น แต่โดยรวมแล้วคือซีรีส์ที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ ถ่ายทอดความฝันของคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัลได้อย่างเข้มข้น และยังคงเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่ถูกพูดถึงในแง่ของการปลุกไฟให้กับคนที่อยากเริ่มต้นสิ่งใหม่ ไม่ว่าจะในด้านธุรกิจหรือในชีวิตก็ตาม