หากจะกล่าวถึง หนังบู๊สายคอมเมดี้ ระดับขึ้นหิ้งของยุค 80s ที่ยังคงมีอิทธิพลต่อวงการภาพยนตร์มาจนถึงปัจจุบัน ชื่อของ Beverly Hills Cop คงติดอยู่ในลิสต์ต้นๆ อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง หนังเรื่องนี้คือจุดระเบิดความสำเร็จของ Eddie Murphy ในบทบาทที่เหมาะกับเขาอย่างไม่มีใครแทนได้ นั่นคือ “Axel Foley” ตำรวจนักสืบผิวดำสุดแสบจากเมืองดีทรอยต์ ที่ต้องบุกเข้าไปในโลกหรูหราของเบเวอร์ลีฮิลส์เพื่อตามสืบคดีฆาตกรรมของเพื่อนรัก
หนังเปิดเรื่องด้วยโทนความดิบของเมืองดีทรอยต์ พร้อมอาชญากรรมจริงจังและการไล่ล่าที่เต็มไปด้วยแรงปะทะ ก่อนจะตัดสลับมาสู่โลกที่ต่างกันสุดขั้วอย่างเบเวอร์ลีฮิลส์ เมืองแห่งไลฟ์สไตล์ ผู้ดี และความเงียบสงบ นี่คือจุดเด่นหลักของเรื่อง—การจับตัวละครที่เต็มไปด้วยพลังความป่วนอย่าง Axel มาใส่ในโลกที่ “เรียบร้อยเกินไป” และปล่อยให้เขาป่วนทุกอย่างจนพังพินาศ… แต่ก็น่าหลงใหลอย่างไม่น่าเชื่อ
Eddie Murphy แสดงเป็น Axel Foley ได้อย่างลื่นไหลและเปี่ยมเสน่ห์ เขาเล่นกับอารมณ์ขันได้อย่างเป็นธรรมชาติ สลับไปมากับฉากดราม่าอย่างกลมกลืน Foley ไม่ใช่ตำรวจที่ปฏิบัติตามระเบียบ เขาเล่นนอกกฎ ใช้ไหวพริบ ทะเล้นทุกจังหวะ และกลายเป็นตัวแทนของ “ความจริง” ที่พุ่งเข้าไปท้าทาย “ความเปลือก” ของสังคมในเบเวอร์ลีฮิลส์ หนังไม่เพียงแต่ขายมุกตลกเท่านั้น แต่แทรกเสียดสีสังคมได้อย่างแนบเนียน ตั้งแต่ประเด็นเรื่องเชื้อชาติ ชนชั้น ระบบตำรวจ ไปจนถึงการบริหารในโลกที่มีสองมาตรฐาน

แม้จะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ แต่ Beverly Hills Cop ก็ยังคงไว้ซึ่งความเป็นหนังแอ็กชันแบบดิบๆ ใน หนังสไตล์ยุค 80 ฉากไล่ล่าผ่านท้องถนนในเบเวอร์ลีฮิลส์ ฉากบุกโกดังลับ ฉากยิงปะทะและการเผชิญหน้ากับวายร้าย มีความหนักแน่นและเข้มข้น ทำให้หนังไม่กลายเป็นแค่หนังตลกขำๆ แต่มีน้ำหนักของพล็อตอาชญากรรมที่จริงจังพอจะดึงคนดูให้อยู่กับเรื่องได้ตั้งแต่ต้นจนจบ
อีกหนึ่งองค์ประกอบที่โดดเด่นจนกลายเป็นไอคอน คือเพลงประกอบสุดคลาสสิก “Axel F” ที่ประพันธ์โดย Harold Faltermeyer ด้วยเสียงซินธ์ที่ติดหูทันทีตั้งแต่แรกฟัง เพลงนี้กลายเป็นซิกเนเจอร์ของทั้งตัวละครและภาพยนตร์จนแทบจะแยกกันไม่ออก ทุกครั้งที่เพลงขึ้นมา คุณแทบจะเห็น Axel Foley ใส่แจ็กเก็ตลายฟุตบอลวิ่งเข้ามาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ในทันที
หนังยังมีเคมีที่ยอดเยี่ยมระหว่างตัวละคร Axel กับคู่หูตำรวจสองนายจากเบเวอร์ลีฮิลส์ ที่ในตอนแรกมองเขาเป็นตัวปัญหา ก่อนจะค่อยๆ เปิดใจและกลายเป็นทีมที่เข้าขากันในแบบตลกแต่จริงใจ ความสัมพันธ์เหล่านี้สร้างมิติให้กับเรื่อง ไม่ให้ทุกอย่างหนักไปทางความป่วนเพียงด้านเดียว