
สมัยที่เรายังเด็ก มีการ์ตูนแอนิเมชันมากมายที่เราต่างเคยดูกัน ไม่ว่าจะการ์ตูนญี่ปุ่นอย่างโดเรมอน โคนัน ดราก้อนบอล หรือชินจัง การ์ตูนฝรั่งอย่างฟลินสโตน ทอมแอนด์เจอร์รี่ เดอะพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ หรือการ์ฟิลด์ แต่ผู้เขียนเชื่อว่าหนึ่งในเรื่องที่ทุกคนต่างต้องเคยดูกันแน่ ๆ คือแอนิเมชันเหล่าของเล่นตัวป่วนอย่างเรื่อง “ทอย สตอรี่” (Toy Story) ที่มีเรื่องราวที่ทั้งสนุก และชวนติดตาม จนตอนเด็กผู้เขียนยังเคยคิดเลยว่า หรือตุ๊กตาในห้องจะมีชีวิตเหมือนในการ์ตูน
“ทอย สตอรี่” เป็นแอนิเมชันอเมริกันขนาดยาวเรื่องแรกที่สร้างด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งหมด และเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของพิกซาร์ เป็นเรื่องราวของ วูดี้ ของเล่นที่เป็นนายคาวบอยยุคคลาสสิก ซึ่งเป็นของเล่นตัวโปรดของ แอนดี้ เด็กชายวัย 6 ขวบ ช่วงใกล้วันย้ายบ้านใหม่แอนดี้ มีการจัดงานวันเกิดล่วงหน้า แม่ได้ให้ของขวัญชิ้นใหม่แก่แอนดี้ นั่นคือ บัซ ไลท์เยียร์ ตุ๊กตาตำรวจอวกาศ จึงทำให้วูดดี้ไม่พอใจ และเกิดการชิงดีชิงเด่นกัน จนทำให้ทั้งสองตกไปอยู่ในบ้านของ ซิด เด็กชายข้างบ้านที่ชอบการทำลายของเล่น วูดี้กับบัซ จึงต้องร่วมมือกันเพื่อหลบหนี และไปให้ทันรถขนส่งให้ได้ จึงเกิดเป็นการผจญภัยสุดป่วนกับเหล่าผองเพื่อนตุ๊กตา
โดยวันนี้ที่เราจะพูดถึงกันคือเรื่องของ “บัซ ไลท์เยียร์” (Buzz Lightyear) ฮีโร่ผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับของเล่น หลังจากจบภาค 4 ในภาพยนตร์แอนิเมชัน ทอย สตอรี่ ทางค่ายได้มีการขยายเรื่องมันออกมาอีกครั้ง เป็นเรื่องราวโดยเฉพาะของ บัซ ไลท์เยียร์ ตัวละครของเล่นนักบินอวกาศ
ที่เป็นตัวละครหลักของเรื่อง บัซ มีความสำคัญกับเนื้อเรื่องมาก และหากจำกันได้ถ้าย้อนกลับไปในภาคแรกของทอย สตอรี่บัซ จะอินกับความเป็นนักบินอวกาศมากจนไม่รู้ตัวเลยว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นของเล่น หลายครั้งที่เขามักคิดว่าตัวเองสามารถกางปีกเหินฟ้า หรือปล่อยลำแสงเลเซอร์ได้ แต่สุดท้ายก็พบความจริงอันหน้าผิดหวังว่าเขาเป็นเพียงแค่ของเล่น

ในภาคต่าง ๆ ตัวละคร บัซ เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าภารกิจในการตามหาตัววู้ดดี้ที่ถูกลักพาตัวไป หรือจะถูกจับไปรีเซ็ตใหม่ให้กลายเป็นฝ่ายร้าย ซึ่งเห็นได้ว่าบัซไลท์เยียร์ผ่านการเดินทางมาหลากหลายรูปแบบ จนในปีนี้ บัซ ไลท์เยียร์ เตรียมกลับมาอีกครั้งในชื่อ Lightyear แอนิเมชั่นภาคแยกที่เป็นธีมอวกาศและตัวละครที่ไม่ใช่ของเล่น เรื่องราวตั้งแต่ที่บัซ ไลท์เยียร์ ออกเดินทางสู่ห้วงอวกาศไปสู่ดวงดาวแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยภัยตราย รวมถึงคู่หูคนใหม่ของสตาร์เรนเจอร์เป็นอีกการเดินทางสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น วันนี้ผู้เขียนจึงได้นำตัวอย่างภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องนี้มาให้ผู้อ่านทุกคนได้อุ่นเครื่อง ทบทวนความจำกันซะกันที่จะได้รับชมกันแบบเต็ม ๆ ในวันที่ 16 มิถุนายน นี้ ทุกโรงภาพยนตร์
โดยในภาคนี้ Chris Evans ผู้ให้เสียง บัซ กล่าวว่า “คำว่า ‘ความฝันที่เป็นจริง’ มักถูกมองข้ามไปมากมาย แต่ฉันไม่เคยหมายความอย่างนั้นในชีวิตมาก่อนเลย ใครก็ตามที่รู้จักฉันรู้ดีว่าความรักของฉันที่มีต่อภาพยนตร์แอนิเมชั่นนั้นลึกซึ้ง ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว Pixar และทำงานร่วมกับศิลปินที่เก่งกาจอย่างแท้จริงเหล่านี้ ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวที่ไม่เหมือนใคร การดูพวกเขาทำงานไม่ใช่เรื่องมหัศจรรย์ ฉันหยิกตัวเองทุกวัน”
ความรู้สึกหลังดูตัวอย่างภาพยนตร์
ขอออกตัวก่อนเลยว่าผู้เขียนชื่นชอบการ์ตูนแอนิเมชันเรื่อง Toy Story อยู่แล้ว เริ่มจากภาคที่ 1 ที่ตัวละครวู้ดดี้กับบัซซึ่งไม่ถูกกันแต่ก็ได้ร่วมมือกันจนสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และมาเป็นเพื่อนกันจนได้ และในภาคที่ 3 ที่ตัวละครของเล่นจะต้องถูกนำไปเก็บแต่แม่ดันเข้าใจผิดนำไปทิ้ง ทำให้เกิดเรื่องราวการผจญภัยมากมายจนถึงขนาดที่บัซถูกรีเซตจนไม่หลงเหลือความทรงจำเดิม แต่ด้วยความเป็นเพื่อนกันของทุก ๆ ตัวละคร
สุดท้ายจึงสามารถเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ มาได้ และไม่เคยทิ้งกัน ผู้เขียนชอบที่การ์ตูนเรื่องนี้เน้นในเรื่องของมิตรภาพปนไปกับเนื้อเรื่องที่สนุก ซึ่งโดยส่วนตัวผู้เขียนชอบตัวละครบัซและวู้ดดี้ แต่จะชื่นชอบบัซมากกว่าตรงที่บัซจะมีนิสัยใจดี ดูซื่อ จริงจังในหน้าที่ของตัวเอง ชอบช่วยเหลือผู้อื่น และไม่ค่อยหลงตัวเองเท่าวู้ดดี้
และหลังจากรู้ข่าวว่ากำลังจะมีภาพยนตร์ภาคแยกของตัวละคร บัซ ผู้เขียนก็รอติดตามมาตลอด และวันนี้หลังจากได้ดูตัวอย่างภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องนี้อย่างเป็นทางการแล้ว ผู้เขียนรู้สึกยิ่งอยากดูภาพยนตร์ตัวเต็มเข้าไปใหญ่ แม้ตัวอย่างจะปล่อยออกมาไม่มาก แต่ก็ชวนให้คนดูติดตามต่อว่าเนื้อเรื่องจะดำเนินไปในทิศทางไหน ถ้าให้คะแนนความอยากดู ผู้เขียนบอกเลยว่า10/10 และผู้เขียนอยากให้ถึงวันที่ 16 มิถุนายน เร็วๆ เลยทีเดียว
อย่าพลาดความสนุกที่กำลังจะมาถึง 16 มิถุนายน 2565 นี้ เตรียมความพร้อมของทุกคน แล้วไปชมภาพยนตร์ภาคแยกที่เป็นตัวละครในความทรงจำของเรากัน กับเรื่อง “Lightyear”