รีวิวซีรีส์ Black Knight (2023)

รีวิวซีรีส์ Black Knight (2023)
xr:d:DAEUL24KbTQ:2351,j:46269568776,t:23050204

Black Knight (อัศวินดำ) เป็นซีรีส์เกาหลีแนวไซไฟแอ็กชันที่เปิดตัวบนแพลตฟอร์ม Netflix ซึ่งสร้างกระแสอย่างมากตั้งแต่ช่วงแรกที่ออกฉาย ด้วยแนวคิดการเล่าเรื่องในโลกอนาคตที่เต็มไปด้วยฝุ่นพิษ มนุษย์ต้องพึ่งหน้ากากออกซิเจนในการดำรงชีวิต และการขนส่งสิ่งจำเป็นกลายเป็นหน้าที่ของเหล่า “อัศวินดำ” ที่ต้องต่อสู้เพื่อส่งของท่ามกลางความโหดร้ายและการแบ่งชนชั้นทางสังคม ซีรีส์เรื่องนี้ไม่เพียงแค่สะท้อนวิกฤตสิ่งแวดล้อมในอนาคต แต่ยังพูดถึงประเด็นสังคมที่ลึกซึ้งในรูปแบบที่เข้มข้นและเร้าใจ

เรื่องราวของ Black Knight ดำเนินผ่านตัวเอกที่ชื่อว่า “5-8” ซึ่งเป็นอัศวินฝีมือดีและมีอดีตที่ซ่อนอยู่ เขาเป็นตัวแทนของกลุ่มที่ลุกขึ้นต่อสู้กับระบบที่กดขี่ โดยเฉพาะบริษัทใหญ่ที่ควบคุมแหล่งทรัพยากร รวมถึงใช้ระบบชนชั้นในการควบคุมประชากรโลกที่เหลืออยู่ ซีรีส์ใช้การเล่าเรื่องเชิงแอ็กชันผสมไซไฟที่ให้กลิ่นอายของการ์ตูนญี่ปุ่นและหนังฝรั่ง แต่ใส่ความเป็นเกาหลีเข้าไปได้อย่างลงตัว ทั้งในเรื่องอารมณ์ ตัวละคร และบทสนทนา

ความโดดเด่นของ Black Knight และความรู้สึกหลังรับชม


หนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้ Black Knight แตกต่างจากซีรีส์แนวไซไฟเรื่องอื่น ๆ คือ “โลกที่สร้างขึ้นมา” ซึ่งมีความสมจริงและน่าติดตาม ทั้งการออกแบบฉากเมืองร้าง ระบบควบคุมทรัพยากรแบบเผด็จการ และความรู้สึกอึดอัดของคนในระดับล่างที่แทบไม่มีสิทธิ์อะไรเลย ทุกอย่างถูกถ่ายทอดผ่านภาพที่คมชัด สีภาพที่เน้นโทนเทาและแห้งแล้ง ช่วยตอกย้ำถึงความโหดร้ายของโลกในเรื่องได้อย่างมีพลัง

นักแสดงนำอย่าง คิมอูบิน ที่รับบทเป็น 5-8 ก็ถือเป็นการคัมแบ็กที่ทรงพลังหลังห่างหายไปจากหน้าจอไปพักใหญ่ เขาถ่ายทอดคาแรกเตอร์นักรบผู้เงียบขรึมแต่เต็มไปด้วยอุดมการณ์ได้ดีมาก การแสดงของเขาช่วยให้ตัวละครนี้มีมิติมากขึ้น นอกจากนี้ นักแสดงสมทบทั้งฝ่ายดีและร้ายต่างก็มีบทบาทที่โดดเด่น โดยเฉพาะตัวร้ายของเรื่องที่มีแรงจูงใจชัดเจน ไม่ใช่แค่ “ร้ายเพราะร้าย” แต่มีมิติในมุมของเขาเอง

ในด้านเนื้อเรื่อง Black Knight มีโครงเรื่องหลักที่เดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง แม้จะมีจังหวะบางช่วงที่เดินเรื่องช้าไปเล็กน้อย แต่ก็ถูกชดเชยด้วยฉากแอ็กชันที่ออกแบบมาอย่างดี มีความรุนแรงแบบดิบ ๆ ที่ไม่เวอร์เกินไป และมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาประกอบอย่างสมจริง นอกจากนี้ ซีรีส์ยังใส่ประเด็นเรื่องความเหลื่อมล้ำ ความหวัง และการลุกขึ้นต่อสู้เพื่อความยุติธรรมลงไปอย่างแนบเนียน ทำให้ผู้ชมไม่ได้แค่เพลิดเพลินกับความมันส์ แต่ยังได้คิดต่อยอดถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในโลกจริง

โดยรวมแล้ว Black Knight เป็นซีรีส์ที่เหมาะกับผู้ชมที่ชอบเรื่องแนวดิสโทเปีย โลกอนาคต การต่อสู้กับอำนาจ และการตั้งคำถามถึงคุณค่าความเป็นมนุษย์ในยุคที่ทรัพยากรกลายเป็นเครื่องมือกดขี่ แม้เนื้อเรื่องจะไม่ได้ซับซ้อนมาก แต่ก็นำเสนอด้วยภาพที่ทรงพลัง การแสดงที่เข้มข้น และธีมที่ทันสมัย ซึ่งทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ดูสนุก แต่ยังมีสาระที่ชวนให้ขบคิด