ไม่ได้เป็นเพียงแค่ หนังฮีโร่ อีกเรื่องในจักรวาล Marvel Cinematic Universe (MCU) แต่มันคือการเกิดใหม่ของตัวละคร Thor ในแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน หนังเรื่องนี้พาเทพเจ้าสายฟ้าที่เคยเคร่งขรึมและเต็มไปด้วยภาระหน้าที่ กลับกลายเป็นตัวละครที่มีสีสัน มีอารมณ์ขัน และเต็มไปด้วยพลังแห่งการผจญภัยอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
เรื่องราวเริ่มต้นด้วยสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะเลวร้ายที่สุดสำหรับ Thor (Chris Hemsworth) เขาถูกจับขังอยู่ที่ดาวเคราะห์แซคคาร์ (Sakaar) ดาวที่เต็มไปด้วยขยะ เทคโนโลยีโบราณ และวัฒนธรรมแปลกประหลาด ซึ่งควบคุมโดย Grandmaster (Jeff Goldblum) จอมเผด็จการผู้ลุ่มหลงในความบันเทิงจากการต่อสู้ Gladiator Style Thor ถูกบังคับให้เข้าร่วมการต่อสู้ที่โหดเหี้ยม และต้องเผชิญหน้ากับแชมเปียนที่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก Hulk (Mark Ruffalo) เพื่อนร่วมทีม Avengers ของเขาที่หายสาบสูญไปนานถึงสองปี
ขณะที่ Thor ต้องหาทางหลบหนีจากแซคคาร์ เขาก็พบว่าบ้านเกิด Asgard ตกอยู่ในภัยคุกคามจาก Hela (Cate Blanchett) เทพีแห่งความตายผู้ทรงพลังและน่าสะพรึงกลัว ที่ต้องการนำพา Asgard ไปสู่จุดจบตามคำทำนาย Ragnarok — การล่มสลายของโลกเทพ การเผชิญหน้าครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการต่อสู้เพื่อชีวิต แต่เป็นการต่อสู้เพื่อคงไว้ซึ่งตัวตนและบ้านเกิด
Taika Waititi ในฐานะผู้กำกับ เปลี่ยนโทนของหนังจากความมืดหม่นและโทนซีเรียสในภาคก่อน ๆ ไปสู่หนังที่เต็มไปด้วยสีสัน มุกตลกแบบแสบ ๆ และการผจญภัยแบบสุดเหวี่ยง ได้กลายเป็นหนังที่มีชีวิตชีวา พุ่งพล่านไปด้วยพลังงานเหมือนบทเพลงร็อกยุค 80s ที่ไม่เคยแผ่วจังหวะ แม้ในฉากต่อสู้ที่จริงจัง หนังยังคงความตลกขบขันโดยไม่รู้สึกขัดแย้งกับความจริงจังของสถานการณ์
Chris Hemsworth รับบท Thor ได้อย่างโดดเด่นที่สุดเท่าที่เคยมีมา เขาไม่ได้เป็นแค่เทพเจ้าหล่อเหลาอีกต่อไป แต่เป็นฮีโร่ที่มีความเปราะบาง มีอารมณ์ขัน และมีการเติบโตอย่างแท้จริง Hemsworth โชว์ความสามารถทางคอมเมดี้ที่หลายคนไม่เคยเห็นจากเขาใน MCU ทำให้ Thor ในเรื่องนี้มีเสน่ห์มากกว่าที่เคย
Tom Hiddleston กลับมารับบท Loki อย่างมีเสน่ห์ตามแบบฉบับเดิม แต่เพิ่มเลเยอร์ความเป็น “พี่น้อง” ที่สัมพันธ์กับ Thor ได้อย่างมีมิติ ทั้งคู่มีฉากที่ทั้งกัดกันและช่วยเหลือกันได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ Cate Blanchett ในบท Hela ก็เป็นหนึ่งในวายร้ายที่น่าจดจำที่สุดใน MCU เธอทั้งสง่างามและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน
Mark Ruffalo ก็ได้มีโอกาสโชว์การตีความ Hulk ในแง่มุมใหม่ Hulk เวอร์ชันนี้ไม่ใช่สัตว์ประหลาดเงียบ ๆ อีกต่อไป แต่เป็นเด็กน้อยติดอยู่ในร่างยักษ์ ผู้มีอารมณ์แบบมนุษย์มากขึ้น การสื่อสารของ Hulk ในเรื่องนี้น่ารัก ขบขัน และทำให้ตัวละครนี้มีความลึกยิ่งขึ้นกว่าเดิม

นอกจากนี้หนังยังเสริมด้วยตัวละครใหม่ที่น่าจดจำอย่าง Valkyrie (Tessa Thompson) นักรบหญิงที่ทั้งแข็งแกร่งและเจ้าอารมณ์ พร้อมกับ Korg (Taika Waititi) ก้อนหินพูดได้ผู้แสนสุภาพ ที่กลายเป็นตัวขโมยซีนอย่างคาดไม่ถึง
ดนตรีประกอบโดย Mark Mothersbaugh ทำให้หนังเรื่องนี้ยิ่งเจ๋งขึ้นไปอีก โดยใช้ซาวด์แบบซินธ์ป๊อปที่ได้แรงบันดาลใจจากยุค 80 ผสมกับเพลงคลาสสิกอย่าง “Immigrant Song” ของ Led Zeppelin ที่กลายเป็นธีมประจำตัวของ Thor ในฉากต่อสู้สุดมันส์
งานภาพของหนังโดดเด่นด้วยการใช้โทนสีสดใส วิชวลที่เต็มไปด้วยจินตนาการ ทำให้หนังมีความรู้สึกเหมือนการ์ตูนคอมิกส์หลุดออกมามีชีวิต ฉากต่อสู้และแอ็กชันถูกออกแบบมาให้ทั้งสวยงามและเร้าใจในเวลาเดียวกัน
จึงไม่ใช่แค่หนังแอ็กชันเฮฮา แต่มันยังพูดถึงประเด็นสำคัญอย่างการปล่อยวางอดีต การยอมรับการเปลี่ยนแปลง และการเข้าใจว่า “บ้าน” ไม่ได้หมายถึงสถานที่ แต่คือผู้คนที่เรารัก หนังทำให้ Thor เติบโตเป็นกษัตริย์ในแบบที่ไม่มีใครคาดคิด ด้วยบทสรุปที่ทั้งเศร้าและงดงาม
หากจะพูดให้ตรงที่สุดคือจุดเปลี่ยนที่สำคัญไม่เพียงแต่สำหรับตัวละคร Thor แต่สำหรับทั้ง MCU มันเปลี่ยนมาตรฐานของหนังฮีโร่จากความจริงจังเครียด ๆ มาเป็นความบันเทิงเต็มพิกัดโดยไม่เสียสาระ ทำให้เราตกหลุมรักเทพเจ้าสายฟ้าในมุมที่แปลกใหม่ และตั้งหน้าตั้งตารอดูการผจญภัยครั้งต่อไปของเขาในจักรวาลที่กว้างใหญ่ไม่สิ้นสุด