มาถึงโปรเจกต์หนังเรื่องที่ 2 ของปีนี้ของนักสร้างมือฉมังของ ฮอลลีวูด ไทเลอร์ เพอร์รี ที่ยังคงกลับมาวาดลวดลายใส่เต็มกับคอนเทนท์ดรามาจัดจ้านปะปนกับประเด็นอาชญากรรม กลายออกมาเป็นหนังที่บีบคั่นหัวใจสุดแสนอดสูใน Straw ฟางเส้นสุดท้าย ที่ดูเหมือนจะมากับพล็อตน้ำเน่าตามสไตล์ แต่ทว่าตัวพ่อไทเลอร์ก็ยังพลิกสถานการณ์ด้วยฝีมือของเขาได้อย่างช่ำชอง
เจไนยาห์ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์บีบคั่นและกดดันที่รายล้อมชีวิตเธอแทบจะทุกโมงยาม ก่อนมันจะนำพาเธอไปสู่เส้นทางที่คาดไม่ถึง ที่ทำให้เธอเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์ อาชญากรรม ที่ไม่คิดไม่ฝัน พร้อมกับพบว่าตัวเองกำลังตกอยู่ท่ามกลางความสงสัยในสายตาสังคมที่ไม่แยแสใด ๆ กับชีวิตของเธอ แต่พวกเขากลับอยากใส่ใจให้เธอเป็นอาชญากร
แม้ว่าในศักราชนี้ ผลงานของไทเลอร์ เพอร์รี จะไม่ใช่คอนเทนท์ที่เหมาะเจาะลงตัวที่นำไปฉายที่โรงหนังสักเท่าไหร่แล้ว แต่เขาก็ยังคงได้รับโอกาสให้ไปต่อกับการร่วมงานกับบรรดาสตรีมมิงยักษ์ใหญ่ต่าง ๆ ที่ทำให้เรายังได้เห็นงานของเขาผลิตออกมาต่อเนื่อง อย่างน้อย ๆ ปีละ 3-4 เรื่องเลย และมาในระทึกขวัญ Straw ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นการกลับสู่พื้นฐานความเป็นไทเลอร์อีกครั้ง กับการหวนกลับมาจับงานสร้าง หนังระทึกขวัญ สุดดรามาที่บีบคั่นหัวใจ

ไทเลอร์ เพอร์รี ยังคงรังสรรค์สตอรี่นี้ด้วยฝีมือของเขาอีกเช่นเคย แน่นอนว่าพล็อตไม่มีอะไรใหม่เลย แต่ยังเปี่ยมล้นไปด้วยพลังงานที่ดี เป็นสูตรสำเร็จเก่า ๆ ที่ยังทรงประสิทธิภาพ เพราะการผูกปมประเด็นที่ ดรามา สุดขีดที่ผลักดันตัวละครไปติดอยู่กับสถานการณ์ที่ไม่คิดไม่ฝัน พร้อมกับหยอดใส่ความเหลื่อมล้ำและความขัดแย้งทางสังคมเข้ามาแบบง่าย ๆ แต่ยังเวิร์กกับหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี กลายเป็นพล็อตที่ง่ายและยังดูได้สนุกกินใจดี
งานสร้างของหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมาก เพราะหนังก็วนเวียนอยู่แค่ฉากไม่กี่ฉากเท่านั้น แต่ได้ยินมาว่า Straw เป็นหนังที่เปิดกล้องถ่ายทำทำงานเบื้องหน้าแค่เพียง 4 วัน ดังนั้นจึงกลายเป็นหนังที่สร้างได้อย่างกระฉับกระเฉง แต่ก็ยังเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้อย่างน่าพอใจ ด้วยวิสัยทัศน์การทำงานแบบเต็มไปด้วยประสบการณ์ของไทเลอร์
และแน่นอนว่า “ทาราจิ พี. เฮนสัน” สามารถแบกรับหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้อย่างทรงพลัง สมกับความเป็นมืออาชีพและเป็นนักแสดงชิงรางวัลออสการ์ ด้วยความที่บทหนังค่อนข้างทรงพลังให้กับเธอได้เป็นอย่างดี และการแสดงของเธอก็รับมือกับบทบาทนี้อย่างเต็มขั้น ทำให้ทุก ๆ ฉาก ทุก ๆ ตอน เธอสามารถปล่อยพลังออกมาได้อย่างเปี่ยมล้นและทำได้ถึง
Straw ยังมาพร้อมกับทีมนักแสดงสมทบชั้นนำที่มาช่วยเสริมทัพได้เหมาะเจาะ ไม่ว่าจะเป็น “เชอร์รี แชพเพิร์ด”, “เทยานา เทย์เลอร์”, “ร็อกมอนด์ ดันบาร์” และ “เกลนน์ เทอร์แมน” ที่กลายเป็นทัพดาราผิวสีที่ช่วยกันประคับประคองหนังทั้งเรื่องเอาไว้ด้วยท่วงทำนองที่ดูได้เพลินเรื่อย ๆ และค่อนข้างเต็มไปด้วยพลังที่ทำได้ถึง

ดังนั้นโดยภาพรวม Straw ฟางเส้นสุดท้าย ถือว่าเป็นหนึ่งในชิ้นงานที่ ไทเลอร์ เพอร์รี สามารถรับมือและละเลงานสร้างในมือของเขาเองได้อย่างมืออาชีพ เขาสามารถกำกับและเขียนบทหนังออกมาได้ด้วยประสบการณ์อย่างถ่องแท้ ถึงจะไม่มีอะไรที่แปลกใหม่เท่าไหร่ แต่เนื้อหาและสตอรี่ของหนังก็สามารถสัมผัสเข้าถึงใจคนดูได้อย่างตรงไปตรงมา และน่าจะทำให้คนดูอินกับมันได้ไม่ยากเย็นเลย การบีบคั่นในสถานการณ์ทีละเรื่อย ๆ พร้อมกับทิศทางการสังคม เป็นการส่งเสริมที่เข้ากันได้ดีในพล็อตง่าย ๆ และกลายเป็นอีกชิ้นงานของลุงไทเลอร์ที่ถือว่าธรรมดาแต่มีพลัง