รีวิวภาพยนตร์ Project Silence (2023) เขี้ยวชีวะคลั่งสะพานนรก

Project Silence

ถ้าเอ่ยถึงนักแสดงผู้ล่วงลับอีซอนคยุนยอมรับว่าผู้เขียนชอบการแสดงของเขามากแต่จำไม่ได้แล้วว่ารู้จักเขาตอนไหนคงเป็นหนังสักเรื่องเพราะเมื่อก่อนถ้าเป็นคอนเทนต์เกาหลีผู้เขียนจะดูหนังเป็นส่วนใหญ่และอีซอนคยุนจะแสดงหนังมากกว่าซีรีส์  แต่แล้วการได้ดูซีรีส์ที่ใครๆก็ รักอย่าง หรือคุณลุงของฉันผู้เขียนก็ประทับใจในการแสดงของเขาอาจเพราะเป็นงานละครขนาดยาวทำให้สามารถดูการแสดงของเขาได้แบบยาวๆ  จากนั้นก็พยายามตามดูงานเก่าและใหม่ของเขาเรื่อยมาจนถึงวันที่เขาตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลงด้วยเหตุผลที่ทุกคนทราบ  ซึ่งตอนนั้นผู้เขียนยอมรับว่าตกใจและช็อคมากจนไม่มีกะจิตกะใจเขียนบทความพิเศษในช่วงปลายปีอย่างที่เคยเขียนมาทุกปีไม่มีขาดแต่ปีนั้น (2023) ต้องขาดไปหนึ่งปีเพราะไม่มีกะจิตกะใจจริงๆ  หลังจากนั้นมางานแสดงของเขาที่ออกฉายหรือลงสตรีมผู้เขียนก็ยังดูเพราะเหมือนเป็นหน้าที่  จนมาเรื่องนี้คืองานชิ้นสุดท้ายที่เขาฝากไว้กับโลก ภาพยนตร์ และยังไม่พอยังฝากฝีมือการแสดงที่ช่วยยกระดับหนังได้อย่างน่าทึ่งด้วย

คืนที่หมอกลงจัดทัศนวิสัยในการมองเห็นต่ำมากชาจองวอน (อีซอนคยุน) ผู้ช่วยรัฐมนตรีความมั่นคงกับลูกสาวชาคยองมิน (คิมซูอา) ที่ดูก็รู้ว่าห่างเหินกำลังเดินทางไปสนามบิน  แต่ด้วยทัศนวิสัยที่แย่มากแถมยังมีคนขับรถประมาททำให้เกิดอุบัติเหตุใหญ่รถชนกันระนาวรวมถึงรถของนักกอล์ฟสาวซิมยูรา (พัคจูฮยอน) แล้วยังมีคนขับรถลากที่ตามมาเอาเงินจากชาจองวอนเพราะความเข้าใจผิดคือโจ พัค (จูจีฮุน) ที่มากลายเป็นผู้ประสบภัยด้วยกันแต่บนสะพานกลับมีผู้โดยสารที่ไม่พึงประสงค์  นั่นคือสุนัขที่ถูกฝังชิปและฝึกมาเพื่อตามล่าสังหารผู้ก่อการร้ายด้วยการจดจำเสียงและนี่คือผลงานอัปยศของรัฐบาลในนาม Project Silence ที่มีกำลังทหารคุ้มกันไปกำจัด  ทว่าเมื่อสุนัขเหล่านั้นหลุดออกมาเพราะอุบัติเหตุแล้วมีความพยายามควบคุมพวกมันแต่เกิดความผิดพลาดสุนัขที่บ้าคลั่งจึงออกล่าสังหารผู้ที่ติดอยู่บนสะพานอย่างไม่ไว้หน้า  แต่ชาจองวอนที่มีเส้นสายในรัฐบาลก็พยายามแก้ไขจนเมื่อความจริงใกล้เปิดเผยพวกเขากลับถูกทิ้งให้ตายแล้วพวกเขาจะรอดไปได้ยังไง

นี่คือส่วนผสมระหว่าง Train to Busan กับ Resident Evil จนกลายเป็นงานสูตรสำเร็จจ๋าๆ จึงมีปัญหาความจำเจและตีบตันทางไอเดีย ถ้าว่ากันที่บทหนังแม้จะยอบรับว่าคงไม่ง่ายที่จะหาไอเดียใหม่ใสกิ๊กมาเล่าในหนังลักเรื่องในแต่ละแนวเพราะบางครั้งทางไปมันก็จำกัดแต่กับเรื่อง เขี้ยวชีวะคลั่งสะพานนรก นี้มันคือความชัดยิ่งกว่าชัดในการเป็นงานสูตรสำเร็จของหนังแนวแอ็กชันทริลเลอร์สยองขวัญโดยมีเค้าโครงที่จับไต๋ได้ว่ามันคือส่วนผสมของ Train to Busan ในด้านหัวใจของเรื่องและภัยร้ายที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ในความพยายามเป็นพระเจ้าผสมกับบรรยากาศที่ขมุกขมัวรอบกายไม่น่าไว้ใจการเอาตัวรอดในสถานที่ปิดตายความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่จับอาวุธที่โดนสอยไปทีละคนทำให้ยังไงก็ต้องคิดถึง Resident Evil แล้วจุดร่วมของสองเรื่องที่ว่ามาคือซอมบี้แต่เรื่องนี้แค่เปลี่ยนซอมบี้มาเป็นสุนัขทดลองส่วนการเดินเรื่องก็แนะนำตัวละครที่จะกลายมาเป็นผู้ประสบภัยและตัวละครรอตายสูตรกว่านี้ไม่มีอีกแล้วทำให้แม้ในตัวบทจะไม่มีปัญหาเรื่องแรงจูงใจหรือความเชื่อมโยงแต่มันก็จำเจไปหน่อย