รีวิว MY LITTLE PONY THE MOVIE มิตรภาพฉบับสอนเด็กน้อย

My Little Pony
My Little Pony(Ashleigh Ball), PINKIE PIE (Andrea Libman), TWILIGHT SPARKLE (Tara Strong), RARITY (Tabitha St. Germain), SPIKE (Cathy Weseluck) and RAINBOW DASH (Ashleigh Ball) in MY LITTLE PONY: THE MOVIE.

ต้องสารภาพกันตามตรงเลยว่าตอนแรกคิดว่าจะไม่ดู แอนิเมชั่น เรื่องนี้ เพราะหลังจากดูตัวอย่างแล้วปวดประสาทกับเสียงแง้วๆของบรรดาโพนี่มาก กลัวทนฟังเสียงพวกนางนานๆแล้วจะไมเกรนขึ้นเพราะปรกติก็ปวดหัวกับเสียงความถี่สูงแบบนี้อยู่แล้ว ไม่เชื่อลองกดดูตัวอย่างก็ได้นะครับ แต่สาเหตุประการหนึ่งที่ยอมตีตั๋วเข้าไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้เพราะไม่รู้จะดูอะไรจริงๆ ส่วน Geostrom ต่อให้สเปเชียลเอฟเฟคถล่มโลกจะดูวายป่วงอลังการแค่ไหนสุดท้ายประเด็นของหนังก็คงพูดแต่เรื่องเดิมๆว่าจงรักษาธรรมชาติให้ดี ไม่งั้นธรรมชาติคงจะกลับมาทำร้ายเราดังเดิมเลยคิดว่าลองเปลี่ยนโหมดกลับไปเป็นเด็กดูบ้างความเป็นมาของการ์ตูนโพนี่ จริงๆแล้วพวกนางเป็นซีรีส์ การ์ตูน ที่ฮิตมากซึ่งตัวละครเดินเรื่องก็คือเหล่าโพนี่น้อยทั้งหก และบรรดาโพนี่ก็ประสบความสำเร็จมากกับกลุ่มเด็กผู้หญิงจนบรรดาของเล่นของใช้ที่มีเจ้าโพนี่พะรูปอยู่บนั้นไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหนังสือการ์ด ก็ล้วนแล้วแต่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

พล็อตเรื่องในเวอร์ชั่นภาพยนตร์นั้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเพราะแน่นอนว่ากลุ่มเป้าหมายของคนดูแอนิเมชั่นเรื่องนี้กลุ่มหลักๆคือบรรดาเด็กๆอายุต่ำกว่า 12 ปี บอกเล่าเรื่องราวของการรุกรานอย่างอุกอาจของวายร้าสตอร์มคิงที่หวังจะช่วงชิงดินแดนและพลังพิเศษของเหล่าโพนี่ในดินแดนอีเควสเทรียต้องสั่นคลอนบรรดาโพนี่ทั้ง 6 ต้องพลัดพรากจากดินแดนบ้านเกิดเป็นครั้งแรกเพื่อออกไปขอความช่วยเหลือจากดินแดนอื่นระหว่างทางโพนี่ทั้ง 6 จึงได้เรียนรู้ถึงการผจญภัย อันตรายต่างๆ มิตรภาพในกลุ่มเพื่อนเป็นต้นเหตุผลประการแรกที่เราสามารถดู My Little Pony ได้อย่างลื่นไหลอาจจะเป็นเพราะหนังใช้เพลงเป็นส่วนหนึ่งในการเล่าเรื่องหรือพูดง่ายๆว่าบางทีตัวละครก็ร้องเพลงเพื่อเล่าเรื่องราวของตัวเองออกมาประหนึ่งหนังมิวสิคคัล ด้วยบทเพลงพ็อพที่ไพเราะจึงทำให้หนังดูลื่นไหลและตัวละครก็ไม่ได้น่ารำคาญทำเสียงแง้วๆน่าปวดหัวตลอดเวลาแม้ว่าพฤติกรรมหลายๆอย่างของโพนี่หลายตัวก็จัดได้ว่ามีความเป็น “เด็ก” ที่มีความยั้งคิดน้อยจนก่อให้เกิดปัญหาและเกิดฉากประเภทตัวร้ายจับได้เพราะบรรดาสมาชิกโพนี่ทำอะไรสิ้นคิดเอ้ย คิดน้อยเพราะพวกนางยังเด็ก หรือเป็นตัวแทนของเด็กๆ

แต่ข้อดีประการใหญ่ๆ เลยของบรรดาโพนี่เหล่านี้คือพฤติกรรมคิดน้อยของพวกนางจะถูกให้บทเรียนหลังจากที่พวกนางได้ทำอะไรสักอย่างไปแล้ว เหมือนเป็นการสอนน้องๆหนูๆในทางอ้อมว่าถ้าหากทำแบบนี้แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตบ้างซึ่งจะว่าไปแล้วการให้สื่อภาพยนตร์เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ของเด็กๆ แล้ว My Little Pony ก็ถือได้ว่าทำได้ลื่นไหลพอสมควร และในขณะเดียวกันมันก็ทำให้ผู้ใหญ่ที่หลงลืมมิตรภาพในวัยเด็กได้ฉุกคิดเหมือนกันว่า ทุกวันนี้เรากีดกันคนที่แตกต่างจากตัวเราออกไปจากชีวิตกี่คนกันแล้ว