รีวิว Wall-E (2008): หุ่นยนต์ก็มีหัวใจ

หุ่นยนต์ก็มีหัวใจ

ช่วงนี้ก็จะ ดูหนัง เหงาบ่อยหน่อยอยากเก็บลิสต์ให้หมด สำหรับ Wall-E ก็เป็นอีกหนึ่งหนังเหงาที่เราอยากหยิบกลับมาดูอีกครั้งเชื่อว่านี่เป็นหนังในดวงใจของหลายๆ คนด้วยคอนเซ็ปต์แปลกใหม่ที่ให้หุ่นยนต์เป็นตัวดำเนินเรื่องแถมยังแทบไม่มีบทพูดระหว่างตัวละครหลักเลยด้วย Wall-E เล่าเรื่องของวอลล์-อีหุ่นยนต์เก็บขยะตัวสุดท้ายบนโลกนี้เขามีเพื่อนอยู่คนเดียวคือแมลงสาบรอบด้านเขาเต็มไปด้วยกองขยะและเศษซากอารยธรรมของมนุษย์ดูก็รู้ว่าไม่มีมนุษย์คนไหนอาศัยอยู่บนโลกนี้แล้วและสภาพของโลกก็ไม่น่าจะเหมาะสำหรับสิ่งมีชีวิตเว้นไว้ให้แมลงสาบผู้ถึกตลอดกาลสักตัวทุกๆวันวอลล์-อีจะทำหน้าที่อย่างขมักเขม้นนั่นก็คือการบีบอัดขยะแล้วจัดการมันให้เข้าที่เข้าทางถ้าวันไหนเจอขยะที่ดูมีค่าหน่อยก็จะเก็บกลับบ้านไปสะสมเป็นคอลเล็กชั่นวันหนึ่งเขาก็เจอเรื่องน่าประหลาดเพราะท่ามกลางความแห้งแล้งแร้นแค้นของโลกใบนี้ กลับมีต้นไม้ต้นเล็กๆหลบซ่อนอยู่แน่นอนว่าวอลล์-อีไม่พลาดเก็บเข้ากรุ

ในตอนกลางคืนวอลล์-อีจะกลับเข้าบ้านและเปิดดูโทรทัศน์เครื่องเก่าที่ซึ่งฉายหนัง หุ่นยนต์ก็มีหัวใจ รักโรแมนติกเก่าๆมีทั้งฉากที่ผู้คนเต้นรำ และฉากที่พระนางจับมือกันวอลล์-อีดูแล้วก็อยากจะลองจับมือกับใครสักคนบ้างแต่ก็ดูเหมือนจะเป็นแค่ฝันลมๆ แล้งๆเพราะมันไม่เหลือใครแล้วนี่นะความเหงาปกคลุมบรรยากาศอย่างรู้สึกได้ชัดการอยู่อย่างโดดเดี่ยวมีเพียงเพื่อนแมลงสาบบนโลกนั้นฟังยังไงก็ดูอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวเกินจะทนจนกระทั่งวันหนึ่งวอลล์-อีก็ได้พบกับอีฟ หุ่นยนต์สาวรูปทรงล้ำที่ถูกยานอวกาศนำมาปล่อยทิ้งไว้วอลล์-อีเจออีฟครั้งแรกก็หลงรักทันทีแต่ช่วงแรกๆ อีฟก็จะเย็นชาและอารมณ์เกรี้ยวกราดหน่อยเห็นอะไรผิดสังเกตก็ยิงทิ้งตลอดแต่วอลล์-อีก็เข้าไปใกล้ชิดสนิทสนมทำให้อีฟกลายเป็นเพื่อนของวอลล์-อีจนได้วอลล์-อีพาอีฟเข้ามาในบ้าน โชว์สิ่งของต่างๆ ที่เขาเก็บสะสมไว้ให้ดู รวมไปถึงต้นไม้ด้วย

เมื่อพบเจอต้นไม้ ระบบของอีฟก็เก็บต้นไม้นั้นไว้ในตัวทันทีและร่างของอีฟก็เหมือนจะเข้าสู่ sleep mode ไม่ทำงานแล้ว จุดนี้เราก็ได้ดูละว่าภารกิจของอีฟคือการลงมาตามหาว่าบนโลกยังมีสิ่งมีชีวิตที่สังเคราะห์แสงอยู่หรือไม่ ถึงอย่างนั้นวอลล์-อีก็ยังดูแลอีฟเหมือนเดิมพาไปไหนต่อไหนทั้งๆ ที่อีฟไม่ตอบสนองแสดงให้เห็นเลยว่าความรักของวอลล์-อีที่มีต่ออีฟนี่ไม่ธรรมดาจริงๆวันหนึ่ง ยานก็มาพาอีฟออกจากโลก วอลล์-อีก็ติดสอยห้อยตามไปด้วยจนได้ค้นพบว่าแท้จริงมนุษย์ยังไม่ได้หายไปไหนพวกเขาใช้ชีวิตอันแสนสุขสบายอยู่บนยานที่เปรียบเสมือนสังคมขนาดใหญ่ทุกๆ อย่างดูไฮเทคล้ำยุคไปหมด มนุษย์แทบจะไม่ต้องทำอะไรเลยเสพสุขอย่างเดียวแม้แต่เดินยังไม่ต้องเพราะนั่งเก้าอี้ที่พาเคลื่อนไปทุกที่ตลอดเวลาตาก็มองแต่จอพูดคุยกับคนผ่านจอ มีหุ่นยนต์มาบริการเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟอาหารถึงที่แต่ละคนนี่อ้วนท้วนสมบูรณ์แบบใกล้จะเป็นโรคกันแล้วทั้งนั้นผู้ควบคุมยานลำนี้ก็คือกัปตัน ซึ่งพอเขารู้ว่าอีฟสามารถเอาต้นไม้กลับมาได้ ก็ดีใจเพราะนั่นหมายความว่าสภาพของโลกนั้นเหมาะสมให้สิ่งมีชีวิตลงไปอยู่สามารถพามนุษย์กลับโลกได้แล้วแต่กัปตันก็ถูกหุ่นยนต์มือขวาอย่างออโต้คอยขัดขวางเพราะออโต้เชื่อในคำสั่งล่าสุดของผู้นำว่าไม่ต้องมายังโลกแล้ว มนุษย์ไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้หรอกอยู่บนยานต่อไปนั่นแหละ