รีวิวจัดเต็ม Reply 1988 : วัยหวาน วันวาน ฉันรักเธอ 1988

รีวิวจัดเต็ม Reply 1988 : วัยหวาน วันวาน ฉันรักเธอ 1988

ถ้าการดูซีรี่ส์เพื่อความบันเทิง แล้วมันตอบโจทย์ด้านความบันเทิงได้ นั่นก็คือความคุ้มค่า เนื่องเพราะในการดูซีรีส์แต่ละเรื่อง ต้องใช้เวลาและการติดตามพอควร พวกเราเหล่าผู้ชมจึงสามารถเลือกได้ว่า จะติดตามงานชิ้นนั้นๆไปขนาดไหน เพราะด้วยจำนวนตอนที่มากของซีรีส์ ที่ถ้าไม่น่าติดตามหรือไม่บันเทิงใจ ผู้ชมพร้อมเททิ้งไปอย่างแน่นอน จึงเป็นที่มาของคำตอบที่ว่า ทำไมผู้เขียนจึงไม่มีซีรีส์ที่ไม่ชอบหรือเกลียดเลยในงานเขียน

แต่อย่างไรก็ตามการดูซีรี่ส์เพื่อความบันเทิงอย่างที่ว่านั้น จะมีซีรีส์สักกี่เรื่องที่ดูแล้วประทับใจ จนกระทั่งทำให้การเขียนบทความบรรยาย ถึงความงดงามของเรื่องเหล่านั้น เป็นความยากที่จะเสกสรรมันเป็นตัวอักษรได้ ความยากที่ว่าคือความยากที่จะสาธยายความงดงามของเรื่องราว หรือบทเรียนชีวิตในมุมมองต่างๆ ที่เรื่องนั้นๆมอบให้กับผู้ชมออกมาได้ดั่งใจและครบถ้วน

ทำให้ การกลั่นกรองจากความประทับใจให้ออกมาเป็นตัวอักษรนั้นมันจะพิเศษ เพราะมันคือความประทับใจมิใช่แค่ความสนุก ซึ่งในความประทับใจในแนวทางของความสวยงามของเรื่องราว ผู้เขียนเองมี When The Camellia Blooms ที่เป็นหนึ่งของด้านมิติทางอารมณ์ ที่มีครบทุกประการกระทั่งความหมองหม่นและสืบสวน มี My Mister ที่เสนอความรันทดได้อย่างงดงามและมีแสงสว่าง มี Prison Playbook ที่มีความเป็นผู้เป็นคนในการมองโลก

ด้วยความหวังหลังชีวิตเจอมรสุม สุดท้ายผู้เขียนได้ก็มาเจอกับความงดงามใสๆจนได้ ที่ว่าใสหาใช่ความว่างเปล่าไม่ แต่มันคือความใสสะอาดในความงดงามของมิติเชิงอารมณ์ ที่มองเห็นได้ถึงก้นบ่อว่านี่คือความสะอาด แม้เรื่องราวจะเสนอในความหลากหลาย หากแต่อิ่มใจได้ในทุกประเด็น มอบทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะและขอบตาร้อนชื้นด้วยความตื้นตันในทุกตอน กับอีกหนึ่งงานซีรี่ส์เกาหลีที่ผู้เขียนรัก ต้องมอบคำว่ายอดเยี่ยมให้อย่างเต็มใจ Reply 1988

ซังมุนดง ซอย 20-2 กรุงโซล ปี 1988 คือสถานที่ที่เรื่องราวความประทับใจนี้เกิดขึ้น เพื่อนซี้ห้าคนที่โตมาด้วยกัน แทบจะกินนอนด้วยกันประกอบด้วย ซองด็อกซอน (ฮเยริ)ซองซอนอู (โกคยองพโย)ชเวแท็ก (พัคโบกอม)คิมจองฮวาน (รยูจุนยอล) และ รยูดงรยง (อีดงฮวี) ที่ทั้งหมดอายุเท่ากัน เรียนอยู่ในระดับมัธยมปลายเหมือนกัน มีเพียง แท็ก ที่เป็นนักเล่นโกะ (หมากล้อม) มืออาชีพระดับเซียนหกดั้งเท่านั้น ทุกคนโตมาด้วยกันบ้านเรือนเคียงกัน เป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันช่วยเหลือเกื้อกูลกันเสมอมาในทุกเรื่อง ด็อกซอน เป็นลูกสาวครอบครัวชนชั้นกลางที่กำลงย่ำแย่ เธอเป็นลูกคนกลางที่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ซอนอู คือครอบครัวชนชั้นล่าง ที่สูญเสียพ่อและอยู่ด้วยเงินบำนาญอย่างกระเบียดกระเสียน แต่มีความสุขกับน้องสาวอีกคน แท็ก คือคนที่อยู่กับพ่อเพียงสองคนที่ แม้จะมีเงินมากมายแต่ก็ใช้ชีวิตอย่างสมถะ จองฮวาน คือลูกคนเล็กของครอบครัวที่รวยที่สุดในซอยแต่ก็เปี่ยมล้นด้วยน้ำใจ ดงรยง คือลูกครูใหญ่ที่ทุกอย่างที่เป็นตัวเขา ขัดใจผู้เป็นพ่อทุกทางและมีแม่ที่ทำแต่งานจนละเลยครอบครัว

ทั้งหมดคือการเล่าเรื่องราวของการใช้ชีวิตวัยรุ่นของเหล่าลูกๆของทุกครอบครัว ที่แม้จะต่างกันแต่ก็อยู่ร่วมกันได้ และเรื่องราวเดินทางไปผ่านการก้าวข้ามพ้นวัยของพวกเขาที่สนุกสาน เฮฮาตามประสาวัยรุ่น แต่ทั้งเรื่องราวที่ดูคล้ายกับไม่มีอะไร แต่กลับมีอะไรมากมายในทุกๆตอนด้วยมิติทางเรื่องราวที่หลากหลายให้เล่า ให้มุมมองการใช้ชีวิตในบริบทของสังคมเกาหลี ผ่านเหตุการณ์ต่างๆที่สำคัญๆไปเรื่อยๆ ด้วยความใสสะอาดดูเหมือนไม่มีอะไร แต่เล่าเรื่องตามวัยของพวกเขาไปเรื่อยๆนั้น แม้ไม่มีอะไรบีบคั้นแต่มันกลับน่าติดตามในทุกเรื่องราว ประเด็นย่อยๆระหว่างทางที่แสนธรรมดา และอาจเกิดขึ้นกับครอบครัวไหนก็ได้ แต่ทว่า มันลึกซึ้ง

ว่ากันตามตรงคือเส้นเรื่องไม่มีอะไรเลย เหมือนขีดเส้นตรงตามไม้บรรทัดไปตรงๆ คือการเล่าเรื่องของผองเพื่อนวัยเยาว์ ที่โตมาด้วยกันก้าวผ่านพ้นวัยมาด้วยกัน และจบลงที่ทุกคนแยกย้ายกันตามเส้นทางของตน ด้วยการนำเสนอที่เรียกได้ว่าใสสะอาดที่สุด ไม่มีเรื่องเชิงลบหรือหนักหน่วงทำร้านจิตใจในแกนเรื่องเลย แต่บทก็เยี่ยมมากที่จะทำเรื่องที่ใสๆ ตรงๆ ไม่มีตัวร้ายไม่มีนางอิจฉาเรื่องนี้ ให้มีมิติเชิงลึกได้ในทุกตอน การใส่ประเด็นรายทางมาให้ผู้ชมได้สัมผัสในแต่ละตอน มันจับต้องและสัมผัสได้และเข้าถึงอารมณ์ผู้ชมตรงกลางใจทุกประเด็นชนิดตัดขั้วหัวใจ ซึ่งถ้าบทไม่แข็งแรง มันจะกลายเป็นเรื่องราวที่แสนธรรมดาจนราบเรียบไร้สีสันไป จึงต้องชื่นชมความยอดยอดเยี่ยมของงานด้านบท

ความยอดเยี่ยมมันอยู่ที่ว่า เรื่องนี้เอาตรงๆคือเรื่องที่ตัวละครเยอะ การใส่ความมิติเชิงลึกให้ตัวละครทุกคนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ทำได้ ทำได้ดีด้วย และการเล่าเรื่องตลอดยี่สิบตอน คือการเล่าถึงการผ่านพ้นแต่ละเรื่องราวมาได้ ด้วยความรักและความเข้าใจ ความรักของแม่หรือพ่อที่มีต่อลูก ความรักของลูกๆที่มีต่อบุพการี ความรักท่ามกลางความขัดแย้งของพี่น้องในอารมณ์ทั้งรักทั้งชัง ความรักและมิตรภาพระหว่างเพื่อนทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่

มุมของของการใช้ชีวิตของคู่ชีวิตใกล้วัยทอง ที่ผ่านพ้นเรื่องราวทั้งดีทั้งร้ายมาด้วยกัน ความรักของคนหนุ่มสาวที่เป็นความโรแมนติก ความหวังในตัวลูกๆของพ่อแม่กับความต้องการที่แท้จริงของลูก สุดท้ายสิ่งที่จะหลอมรวมเรื่องเหล่านี้ให้เป็นความงดงามได้คือความเข้าใจซึ่งกันและกันเท่านั้น และแม้จะเล่าถึงประเด็นมากมายแต่บทกลับทำได้อย่างเข้าถึงง่ายและได้ใจ งดงามได้อย่างน่าทึ่ง เพราะค่อยๆเก็บเกี่ยวความรู้สึกร่วมจากหัวใจผู้ชมไปทีละน้อย จนเกาะกุมได้ทั้งหมดโดยไม่รู้ตัว

แต่ หากจะว่ากันที่เรื่องของอารมณ์ เรื่องนี้เมื่อมองเข้าไปอย่างพินิจ จะแยกออกเป็นสองอารมณ์ หนึ่งคืออารมณ์ทางมิติทางมิตรภาพ น้ำใสใจจริงที่อุ่นระอุ ความรักความเข้าในในครอบครัว การไล่ตามความฝันของแต่ละคน ที่บางคนก็มีความฝันของตัวเอง และบางคนก็แบกความฝันของคนอื่นไว้ เช่น จองฮวาน ที่แบกความฝันของพี่ชาย หรือ ซอนอู ที่ยอมเรียนแพทย์ตามความหวังของแม่ การเรียนรู้และเข้าใจตัวเองของ ด็อกซอน ที่สุดท้ายแม้จะน้อยเนื้อต่ำใจในความเป็นลูกคนกลาง แต่นั่นหาใช่เพราะพ่อแม่ไม่รักเธอ แม้กระทั่งเรื่องราวของการเสียสละในเรื่องความรักของเพื่อน ที่รักคนคนเดียวกันและยอมที่จะไม่ครอบครอง เข้าใจในสิ่งที่เป็นและยอมรับว่าแท้จริงแล้ว ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่มันคือความผิดพลาด

จนกระทั่งเรื่องราวเข้าสู่ความโรแมนติกตอนท้าย ยังเข้าถึงอารมณ์สายฟินได้อีกด้วยเรื่องราวของรักสามเส้า การเสียสละ การรอคอย ความหวังและการก้าวข้ามผ่านกำแพงประเพณี ที่เป็นการปะทะกันระหว่างความคิดเก่ากับความคิดใหม่ เห็นได้อย่างแจ่มชัดแม้จะมีให้เห็นเรื่อยมาตลอด แต่มันมาชัดมากในตอนท้าย ทั้งนี้ที่ผู้เขียนชอบมากลับเป็นประเด็นความรักความเข้าใจ ของครอบครัวที่มีต่อลูกเรื่องของการเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เมื่อถึงที่สุดการเรียนมหาวิทยาลัยอาจไม่ใช่ทุกคำตอบของชีวิต ทั้งนี้รวมไปถึงการที่ลูกเข้าใจความหวังของพ่อแม่ และยอมเปลี่ยนตัวเอง เพื่อสานฝันให้พ่อกับแม่ได้มีความสุข กับเรื่องราวของการสลายช่องว่างระหว่างวัย ที่เริ่มห่างไปตามวัยของลูกๆที่ผู้เขียนเองอาจจะเข้าถึงง่ายกว่า เพราะทุกวันนี้ลูกๆของผู้เขียนก็เริ่มโตหมดแล้ว

อีกหนึ่งที่ความรู้สึกในหัวใจผู้เขียนสัมผัสได้ และเข้าถึงได้ง่ายกว่า คืออารมณ์ถวิลหาอดีต แม้มันจะไม่ชัดเจนตรงใจในความเป็นไทย อย่างการดูหนังเรื่อง แฟนฉัน ซึ่ง อาจจะมีความต่างเรื่องของพฤติกรรม บริบททางสังคมมากมาย แต่สำหรับคนที่โตมากับเครื่องมือเครื่องใช้ ที่ตัวเรื่องพยายามขับเน้น สำหรับคนรุ่นผู้เขียนคงจะอินกับภาพที่เห็นได้มากว่า

สำหรับคนที่โตมาในยุคอนาล็อก ยุคของอัสนี-วสันต์ เรนโบว์ คีรีบูน แกรนด์เอ๊กซ์ หรือลูกทุ่งปนสตริงค่ายนิธิทัศน์ อาจจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของดนตรี และซาวด์แห่งยุคสมัย เมื่อได้เห็นวิทยุเทป หรือกระทั่งวอล์คแมนที่มารดาผู้เขียนเรียกมันว่าซาวเบ๊า (ซาวด์ อะเบ๊าท์) ที่เป็นของที่ไฝ่ฝัน แต่ไม่เคยได้มาครอบครองมาจนวันนี้ที่เป็นหูฟังไร้สายในรุ่นลูก ของบางอย่างที่ไกลเกินฝันของเด็กชนบทอย่างตัวผู้เขียนเอง การได้เห็นการใช้เท้ากดปุ่มทีวี หรือทีวีแบบหมุน โอลิมปิค 1988 ที่เพิ่งได้ยินเพลง Hand In Hand เวอร์ชั่นเกาหลีในเรื่องนี้ การประท้วงของนักศึกษาเกาหลีไต้ที่เป็นข่าวดังไปทั่วโลก

หรือกระทั่ง Pop Culture ในยุคนั้น จากการเอ่ยถึง ดีเอโก้ มาราโดน่า ที่เจิดจรัสในฟุตบอลโลก 1986 การเอ่ยถึงหนังคลาสสิคที่เป็น Signature ของยุคสมัยอย่าง โหด เลว ดี 2,Predator,Top Gun,Dirty Dancing หรือ La Bamba ที่คนรุ่นผู้เขียนล้วนได้ผ่านตามาและแยู่ในความทรงจำการได้เห็นอิทธิพลของหนังฮ่องกง ที่แผ่ขยายไปทั่วเอเชียจนมีการเอ่ยถึงดาราทองอย่าง โจวเหวินฟะ แม็กกี้ จาง (จางม่านอวี้) หรือ โจอี้ หวัง (หวังจู่เสียน) การฟังรายการวิทยุตอนกลางคืน เขียนจดหมายบรรยายความรู้สึกไปหาพี่ดีเจ ความดีใจที่จดหมายของเราได้ถูกหยิบมาอ่าน

สำหรับเรื่องนี้ ที่ผู้เขียนมองเห็นคือความธรรมดา และความเป็นธรรมชาติของการใช้ชีวิต ที่ไม่ว่าสังคมไหนหรือชนชาติใด ความสุขความบนเรียบง่ายคือแก่นแท้ เช่นเดียวกับซีรี่ส์เรื่องนี้ที่เส้นเรื่องหลักอาจธรรมดา แต่ระหว่างทางการเล่าเรื่องกลับมีสีสันมากมาย ดีบ้างร้ายบ้าง หากแต่ทุกอย่างที่เข้ามาในทางร้าย มักจะมลายหายไปด้วยเรื่องราวของมิตรภาพ เช่นเดียวกันกับหนึ่งชีวิตของคน ความจริงมันแสนธรรมดา

แต่ปัจจัยที่เข้ามาต่างหากที่จะเป็นสีสัน กับทุกครอบครัวในเรื่องนี้คือการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ธรรมดา ไม่ว่าจะมีหรือจน ล้วนแล้วแต่ต้องเจอปัญหาทั้งหนักทั้งเบาต่างมิติกันไป แต่การได้อยู่กับครอบครัวที่พร้อมหน้า ได้กินข้าว ได้พูดคุยสนทนา ได้ทะเลาะกันบ้าง ความแนบแน่น ที่เป็นเรื่องธรรมดาที่แสนเรียบง่ายแบบนี้ จะเยียวยาปัญหาหัวใจเหล่านั้น