รีวิวหนังเรื่อง Argylle (2024)

รีวิวหนังเรื่อง Argylle (2024)

หนังสายลับ ที่เปิดตัวด้วยความทะเยอทะยานของผู้กำกับ แมทธิว วอห์น ซึ่งเคยฝากฝีมือไว้ใน Kingsman และ Kick-Ass คราวนี้เขาพาผู้ชมดิ่งเข้าสู่โลกของนิยาย สายลับ และเรื่องจริงที่อาจไม่ใช่เรื่องแต่ง ผ่านเส้นเรื่องที่เต็มไปด้วยความบิดเบี้ยว สับสน และความคลั่งไคล้ที่มีต่อโลกแห่งจารกรรม

เรื่องเริ่มจาก เอลลี คอนเวย์ นักเขียนนิยายสายลับชื่อดัง ผู้มีชีวิตสงบในบ้านหลังเล็กพร้อมแมวตัวโปรด เธอเขียนเรื่องของ “Argylle” ตัวละครสายลับผู้เก่งกาจที่เธอสร้างขึ้นในหนังสือขายดี แต่แล้วโลกของเธอก็พลิกผัน เมื่อเธอพบว่าเหตุการณ์ในนิยายของเธอกำลังเกิดขึ้นจริงทีละบททีละตอน เหมือนมีใครบางคนใช้หนังสือของเธอเป็นคู่มือในการดำเนินแผนลับสุดอันตราย เอลลีถูกดึงเข้าสู่โลกของความลับและการไล่ล่า โดยมีสายลับตัวจริงนามว่า “ไอดัน” มาคอยคุ้มกัน แต่ทุกอย่างกลับยิ่งสับสน เมื่อความจริงและนิยายเริ่มปะทะกันจนแยกไม่ออก

โครงสร้างของหนังดูเหมือนจะเล่นกับความจริงและเรื่องแต่งไปพร้อมกัน โดยตั้งคำถามว่าจริงๆ แล้วใครกันแน่ที่กำลังเขียนเรื่องราวนี้ และใครกันแน่คือ “Argylle” ตัวจริง ในขณะที่ผู้ชมพยายามตามให้ทันว่าอะไรเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง และอะไรเป็นเพียงจินตนาการของเอลลี ตัวหนังกลับเลือกหักมุมอย่างต่อเนื่อง เล่นกับชั้นของเรื่องจนผู้ชมแทบไม่รู้ว่าตัวเองควรเชื่ออะไร

เฮนรี่ คาวิลล์ ในบท Argylle เวอร์ชั่นนิยาย สวมบทสายลับสไตล์คลาสสิกได้อย่างเท่แบบจงใจเว่อร์เกินจริง ราวกับตัวละครที่หลุดออกมาจากโปสเตอร์ยุค 60 ส่วน ไบรซ์ ดัลลัส ฮาวเวิร์ด ในบทเอลลี มีเสน่ห์ของความเป็นคนธรรมดาที่หลุดเข้ามาในโลกที่เหนือจริง และซามูเอล แอล. แจ็กสัน ก็ยังคงมาดเข้มและน่าจับตาเช่นเคย

อย่างไรก็ตาม แม้ Argylle จะเปี่ยมไปด้วยสไตล์ การตัดต่อที่รวดเร็ว มุขตลกแบบอังกฤษ และแอ็กชันแบบโอเวอร์-the-top ที่แฟนหนังของวอห์นคุ้นเคย แต่สิ่งที่เป็นปัญหาคือหนังเหมือนจะ “พยายามมากเกินไป” กับการเป็นทั้งหนังสายลับ เมตาฟิคชั่น และคอเมดี้ในคราวเดียวกัน มันเลยกลายเป็นหนังที่ดูสนุกในบางช่วงแต่ก็รู้สึกหลุดโฟกัสในหลายตอน

แม้จะมีความทะเยอทะยานและกล้าหาญในแง่แนวคิด แต่พลังของหนังกลับถูกเบียดบังด้วยบทที่พยายามจะหักมุมมากเกินไป และตัวละครที่ไม่ได้มีเวลาพอจะทำให้ผู้ชมรู้สึกผูกพันอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังของหนังที่ทุกอย่างเริ่มกลายเป็นความวุ่นวายของการเฉลย เฉลย แล้วก็เฉลยอีก

จึงเป็นหนังที่เหมาะกับคนที่ชอบความอลังการของฉากแอ็กชัน มุกตลกที่มาไวไปไว และแนวทางการเล่าเรื่องที่ท้าทายกรอบเดิม ๆ มันอาจไม่ใช่หนังสายลับที่ดีที่สุดในรอบปี แต่มันคือหนังที่กล้าแตกต่าง และในโลกของหนังฟอร์มใหญ่ที่มักตามสูตรไปหมด การได้เจอหนังที่ “กล้าจะหลุด” อย่างนี้ก็ยังคงมีเสน่ห์ในแบบของมันเอง