รีวิว Edens Zero การเดินทางสู่จักรวาลอันกว้างใหญ่ เพื่อค้นหาพลังมิตรภาพ

Edens Zero การเดินทางสู่จักรวาลอันกว้างใหญ่

ชิกิเด็กหนุ่มปริศนาที่ถูกเก็บมาเลี้ยงโดยหุ่นยนต์ที่อาศัยอยู่ภายในแกรนเบล โลกแห่งนี้มีเพียงแต่หุ่นยนต์เท่านั้นไร้ ซึ่งมนุษย์หลงเหลืออยู่ การเดินทางสู่จักรวาลอันกว้างใหญ่ ทำให้ชิกิเป็นเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่อาศัยอยู่ภายในโลกนี้ จนกระทั่งวันหนึ่งมีหญิงสาวจากต่างแดนที่มีชื่อว่า “รีเบ็คก้า” ได้เข้ามาที่เมืองนี้พร้อมกับแมวคู่ใจของเธอที่มีชื่อว่า “แฮปปี้” ทำให้ชิกิรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้พบมนุษย์คนอื่นนอกจากตน แต่ว่าชาวเมืองหุ่นยนต์ไม่พอใจที่มีมนุษย์เข้ามาในเมืองจึงจะจับหญิงสาวเผา จึงทำให้ชิกิโกรธและช่วยเหลือหญิงสาวออกมาได้ ทั้งสองจึงหนีออกไปจากดาวดวงนี้ และเมื่อหนีออกมาได้ทั้งสามก็ได้เห็นมังกรสีทองอร่ามบินท่ามกลางอวกาศอันแสนสวยงาม นั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นการผจญภัยครั้งใหม่ของชิกิที่จะหาสหายใหม่ในการผจญภัยครั้งนี้

แม้จุดเริ่มต้นของเรื่อง Edens Zero จะมีความคล้ายกับอนิเมะโชเน็นเรื่องอื่น ๆ ที่พยายามจะทำให้ผู้ชมอินเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเหล่าหุ่นยนต์และตัวเอก แต่เนื่องจากเวลาที่จำกัดจึงทำให้การเข้าถึงอารมณ์ทำได้ไม่ดีพอ และพล็อตก็ค่อนข้างซ้ำ ผู้ที่เคยดูอนิเมะโชเน็นบ่อย ๆ อาจจะเดาได้ตั้งแต่เริ่มเลยก็ได้ แต่พอหลังจากจบตอนที่หนึ่งไป การดำเนินเนื้อเรื่องเริ่มที่จะแตกต่างจากมังงะทั่วไป เริ่มมีปมปริศนาเข้ามาเรื่อย ๆ ทำให้เนื้อเรื่องน่าสนใจเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก อย่างมาเธอร์สิ่งมีชีวิตลึกลับ เอลซี่ตัวละครปริศนา มังกรในโลกนี้คืออะไร? และเมื่อเข้าช่วงตอนที่ 3 ตัวเอกเข้าดาวนอร์ม่าเพื่อไปอัพเกรดยานบิน แต่แล้วกระแสเวลาของดาวดวงนี้ไม่เหมือนใครเพราะถูกมังกรกลืนกินเวลา

ทำให้เวลาในดวงดาวถอยหลังไป 50 ปี ซึ่งส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตด้วย และพวกเขาไม่สามารถรู้เลยได้ว่าเวลาได้ถูกย้อนไปแล้ว ณ ที่แห่งนี้พวกเขาได้พบพวกพ้องคนใหม่จากอดีต และเมื่อคลายปมจบเรื่องหนึ่ง ปมใหม่ก็จะค่อย ๆ มา ทำให้มันดึงดูดผู้ชม และสนใจที่จะดูเรื่องนี้ต่อไปเรื่อย ๆ นอกจากนี้ยังมีการดำเนินเนื้อเรื่องที่กระชับ และไม่ยืดเหมือนเรื่องก่อน ๆ อย่างอนิเมะแฟรี่เทล ทำให้ได้รับเนื้อหาภายในเรื่องอย่างเต็มที่ แต่ก็คงต้องยอมรับว่า เรื่องนี้ก็ยังคงคอนเซปต์การใช้พลังมิตรภาพเข้าชนะอีกเรื่อง ทำให้คนที่เสพแนวนี้บ่อย ๆ อาจจะเอียนจริงเหมือนอย่างแฟรี่เทลที่ช่วงหลังใช้พลังมิตรภาพเยอะเกินไป

ถ้าใครเคยดูแฟรี่เทลอาจจะเห็นอีสเตอร์เอ้กจากภายในเรื่องค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว และยังมีการรีไซเคิลตัวละครจากแฟรี่เทลที่ค่อนข้างเยอะอย่าง เอลซ่า ที่เป็น เอลซี่ ภายในเรื่อง และยังมีเจราด ที่เป็นคู่รักคู่เจ็บอีกด้วย อีกทั้งคาแรกเตอร์ของ รีเบ็คก้า ที่เหมือน ลูซี่ คนที่ดูก็จะตกใจภายในเรื่องบ้างเพราะได้เห็นตัวละครหน้าคล้ายจากแฟรี่เทล มาอยู่ภายในเรื่องนี้เยอะมาก ๆ นอกจากนี้ระบบอีเธอร์เองก็ยังคล้ายกับเวทมนต์ในแฟรี่เทล ภายในเรื่องกล่าวไว้ว่าอีเธอร์เองก็ทำงานเปลี่ยนพลังงานในร่างกายให้ใช้คล้ายเวทมนตร์ได้ ซึ่งมันก็ไม่แตกต่างจากแฟรี่เทลเลย แค่เรื่องนี้มันไฮเทคกว่า โดยเฉพาะท่าไม้ตายพระเอกแต่ละท่า ยิ่งคล้ายนัตสึในแฟรี่เทลเลย

ด้านงานภาพคงต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ตรงตามมาตรฐานมากสำหรับซีรีส์ยาว ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีและหาได้ยากในยุคนี้ เพราะเนื่องจากค่าใช้จ่าย อนิเมะ ต่อตอนที่สูงขึ้น ทำให้คุณภาพอนิเมะเรื่องยาวเผาค่อนข้างเยอะ แต่เรื่องนี้กลับไม่ค่อยเห็นงานเผามากซะเท่าไหร่ ทำให้เรื่องนี้สามารถดูได้สนุกกับงานศิลป์ภายในเรื่องได้อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้โดดเด่นเหมือนเรื่องอื่น ๆ แต่ต้องยอมรับเลยว่าการเล่าเรื่อง และการทำฉากแอ็กชั่นทำออกมาได้น่าพึงพอใจอย่างมาก ที่ไม่ยืดและไม่น้อยเกินไป สู้กันได้สนุก ต่อยกันมันส์ ทำได้พอดีพอเหมาะ พร้อมมีเซอร์วิสแทรกบ้างเกือบแทบทุกตอน(สาว ๆ ภายในเรื่องน่ารักทุกคน) เรียกได้ว่าค่อนข้างอิ่มเอมและอยากดูต่อเลยทีเดียวหลังจากที่จบซีซั่นแรกไปสิบสองตอน

เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างอนิเมะและมังงะ คงต้องบอกเลยว่าลายเส้นในอนิเมะจะเป็นแบบเด็กมากกว่าที่จะเหมือนในมังงะที่ออกแบบมาเหมือนเป็นผู้ใหญ่ ส่วนการเล่าเรื่องจะเล่าตามมังงะเลย ยังไม่เห็นฉากเนื้อเรื่องเสริมที่มีแค่ในอนิเมะ อาจจะเป็นเพราะพึ่งเริ่มสิบสองตอนแรก ทำให้ระยะห่างระหว่างมังงะและอนิเมะค่อนข้างไกล อนิเมะจึงสามารถทำให้กระชับได้ไม่ยืดเหมือนอย่างแฟรี่เทล